“เคแบงก์” คาดสินเชื่อบ้าน Q2/56 โตมากกว่า Q1/56 ทั้งปีตั้งเป้าโต 8-10% ยันไม่มีปัญหาฟองสบู่ ลั่นเดินหน้าปล่อยกู้ทั้งผู้ซื้อ และผู้ประกอบการ ขณะที่ “บัวหลวง” มองสินเชื่อ Q2/56 โตต่อเนื่องจาก Q1/56 ทั้งปีคงเป้าโต 6-8% มองเงินทุนไหลเข้ายังเป็นความเสี่ยงต่อ ศก.ไทย และอัตรา ดบ.นโยบายในขณะนี้สอดคล้องกับภาวะ ศก.ในปัจจุบัน
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดว่าสินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัยของธนาคารในช่วงไตรมาส 2/56 จะสามารถเติบโตได้มากกว่าไตรมาสแรกที่มียอดการปล่อยสินเชื่อเพียง 1 หมื่นล้านบาท และคงเป้าหมายทั้งปีเติบโตได้ที่ 8-10% โดยธนาคารไม่ห่วงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังจะเดินหน้าปล่อยสินเชื่อทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้ซื้อ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า ในไตรมาส 2/56 คาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 1/56 ที่ปล่อยสินเชื่อได้ราว 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% เนื่องจากโดยปกติช่วงไตรมาสแรกจะเป็นช่วงโลว์ซีซันของภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีการเร่งโอนโครงการค่อนข้างมากในช่วงปลายปีเพื่อปิดยอดบัญชี
อย่างไรก็ตาม สินเชื่อบ้านครึ่งปีหลังโดยปกติจะดีกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่คงเป้าทั้งปี 56 จะเติบโตได้ 8-10%
นายชาติชาย กล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลภาวะฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทั้งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัย โดยบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ต่ำที่ 1 เท่า จากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ที่ 5 เท่า ขณะที่ยังมีความสามารถในการชำระหนี้
แต่สำหรับบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารอาจจะต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่า จะมีการให้สินเชื่อน้อยกว่าทั้งสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดิน และการพัฒนาโครงการ โดยที่ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยดำเนินธุรกิจมาก่อนก็จะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 0.4%
ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) คาดว่า สินเชื่อในไตรมาส 2/56 ยังน่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/56 และทั้งปีธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 6-8% ขณะที่มองว่าเงินทุนไหลเข้ายังเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นายชาติศิริ กล่าวว่า ธนาคารคงเป้าสินเชื่อในปี 56 เติบโต 6-8% โดยไตรมาส 2/56 การปล่อยสินเชื่อน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/56 ตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ภาคธุรกิจต่างๆ จะประสบความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ SME มีต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และเงินบาทแข็งค่า แต่การปล่อยสินเชื่อน่าจะเป็นไปตามแผน โดยธนาคารเองได้เข้าดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้สามารถปรับตัว และแข่งขันได้ มีการป้องกันความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยังมีความเสี่ยงจากภาวะเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก แต่ก็เป็นภาวะที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค หากเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับภูมิภาคก็คงไม่น่าจะมีปัญหา และเชื่อว่าทางการจะสามารถดูแลให้เงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ และธนาคารก็พร้อมช่วยดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายมองว่าที่ระดับ 2.75% มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ