รัฐบาลเริ่มหวั่นเป้าหมายการส่งออก หลังเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง เตือนนักลงทุนนำสกุลเงินต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไร เพราะเงินบาทแข็งค่าไม่สอดคล้องกับดุลการค้าของประเทศ พร้อมคาดในช่วง 1-2 วัน ราคาทองคำตลาดโลกจะปรับตัวตามปกติ อีกทั้งการเข้าลงทุนในทองคำช่วงที่ผ่านมาเป็นนักลงทุนที่มีเงินออม และเป็นการออมเพิ่มจากการออมประเภทอื่นที่มีอยู่แล้ว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมทีมเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ (18 เม.ย.) กระทรวงพาณิชย์ เริ่มเป็นห่วงเป้าหมายการส่งออก เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับเป้าหมายการส่งออกขยายตัวร้อยละ 7.5 แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ยังคงไว้ที่ร้อยละ 9 นับว่าเป็นแรงบีบพอสมควรต่อการทำงาน
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เนื่่องจากการค้าระหว่างประเทศไม่ได้มีการเกินดุลต่อเนื่อง โดยมีทั้งการขาดดุล และการเดินดุล เพราะมีการนำเข้าน้ำมัน ทองคำ และสินค้าทุน นับว่าจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศระยะยาว และการขาดดุลการค้าลงบ้างจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง และเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงเตรียมบุกตลาดส่งออกเพิ่มด้วยการออกไปโรดโชว์ในตลาดหลัก 7 ประเทศ เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย พม่า และตลาดรอง เช่น แอฟริกา รัสเซีย บราซิล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความกังวลการแข็งค่าเงินบาท เพราะไม่ได้แข็งค่าจากการเกินดุลการค้าของประเทศที่เป็นปัจจัยสำคัญ แต่เป็นการแข็งค่าเพราะการเก็งกำไรระยะสั้นและเงินทุนไหลเข้า โดยบางส่วนนำสกุลเงินตราต่างประะเทศเข้ามาเก็งกำไร เพราะคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติมมาดูแลค่าเงินบาท
ดังนั้น นักลงทุนที่นำสกุลเงินต่างประเทศเข้ามาเพื่อเก็งกำไรต้องระวัง เพราะค่าเงินบาทอาจมีการปรับตัว โดย ธปท.จะเป็นผู้พิจารณาดูแล คงไม่มีมาตรการใดเพิ่มในช่วงนี้ แต่ในส่วนของการนำเข้าสินค้าทุน เครื่องมือ เครื่องจักร ในโครงการลงทุนภาครัฐ ทั้งแผนป้องกันน้ำท่วม 350,000 ล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่คงไม่ต้องเร่งรัดโครงการลงทุนให้มีความรวดเร็วขึ้น
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำปรับลดลง เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวน เนื่องจากผลทางจิตวิทยา เพราะหวั่นเกรงว่าสมาชิกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อื่น นอกจากไซปรัส ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจจะเทขายทองออกมาในตลาด แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วปริมาณทองคำของประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟมีน้อย เมื่อเทียบกับทองคำในตลาดโลก จึงไม่กระทบแต่อย่างใด เหตุผลที่ราคาทองลดลงในช่วงที่่ผ่านมา จึงเป็นเพียงผลทางจิตวิทยาเท่านั้น
ดังนั้น ในช่วง 1-2 วัน ราคาทองคำตลาดโลกจะปรับตัวตามปกติ อีกทั้งการเข้าลงทุนในทองคำช่วงที่ผ่านมาเป็นนักลงทุนที่มีเงินออม และเป็นการออมเพิ่มจากการออมประเภทอื่นที่มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผู้เข้าซื้อในช่วงราคาทองสูงอาจรู้สึกขาดทุน แต่แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับปริมาณทองคำในตลาดโลก เพราะต้นทุนการผลิตทองคำจากเหมืองต่างๆ จะมีต้นทุนสูงมาก จึงไม่เกิดแรงจูงใจให้ผลิตทองคำเพิ่มเข้ามาในตลาด จึงทำให้ราคาทองคำไม่ปรับลดลง หรือจะกลับไปมีเสถียรภาพเหมือนเดิม
