xs
xsm
sm
md
lg

นักวิเคราะห์ให้หุ้นไทยสูงสุด 1,704 เร่งรัฐลุยโครงสร้างพื้นฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    ส.นักวิเคราะห์เผยคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 56 มีโอกาสพุ่งทะลุ 1,700 จุด โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน  การประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขยายตัวสูง และต่างชาติจะเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง แนะภาครัฐควรเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และเร่งรัดการเบิกจ่าย พร้อมลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อกระตุ้นการบริโภคและกำลังซื้อ ชี้มีความเสี่ยงการเมือง พร้อมจี้เลิกจำนำข้าว-ประกันราคายางพารา

    นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์  กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุน ปี 2556 ว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้จะมีจุดสูงสุดที่เฉลี่ย 1,704 จุด และ ณ ปลายปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,625 จุด โดยปัจจัยบวกมาจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และการประเมินว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวสูงขึ้นเป็น 20% จากคาดการณ์เดิม 15% อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท

    ขณะเดียวกัน ประมาณอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% และเชื่อว่าอัตราการเติบโตของกไรต่อหุ้น (EPS Growth) ปีนี้จะเติบโตเฉลี่ย 20.3% ส่วนราคาทองคำสิ้นปีจะอยู่ที่เฉลี่ย 24,334 บาท

    “ดัชนีหุ้นจะไป 1,704 จุดได้ ต้องมีความชัดเจนในเรื่องเงินกู้ 2ล้านล้าน ต่างชาติซื้อหุ้น 2.7 ล้านบาท รวมกับสถาบันอีก 1 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์มองว่า ภาครัฐควรเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาเพื่อกระตุ้นการบริโภค และกำลังซื้อ”

    ทั้งนี้ 94% นักวิเคราะห์เชื่อว่า โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท จะช่วยเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจของไทยในอนาคต ทำให้เกิดการจ้างงาน การลงทุน และการบริโภค ขณะที่ 88% เชื่อว่า ผลประกอบการ บจ.สูงขึ้น จากการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนภาครัฐและเอกชน ส่วน 75% เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติยังมาจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศอัดฉีดเงินเข้าระบบ ทำให้สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง

    อย่างไรก็ตาม 81% มองว่า ปัจจัยเสี่ยงหุ้นไทยมาจากความเสี่ยงการที่ P/E หุ้นไทยโดยเฉลี่ยเริ่มแพง 75% มองว่าปัญหายูโรโซนมีความเสี่ยง เช่นเดียวกับ 69% ที่กังวลความเสี่ยงทางการเมือง เช่น พ.ร.บ.เงินกู้ฯ การตรวจสอบนายกรัฐมนตรี

    “ตลดาหุ้นไทยยังไม่เกิดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ หากค่า P/E ตลาดไม่เกิน 20 เท่า  ซึ่งหากค่า P/E อยู่ที่ 20 เท่า ดัชนี SET ควรจะต้องอยู่ที่ 1,900 จุด ตอนนี้ประมาณ  14.5 เท่า จากดัชนี 1,550 จุด และถ้าขึ้นไปถึง 1,704 จุด P/E จะประมาณ 16 เท่า เมื่อถึงจุดนั้นต้องพิจารณาต่อว่า P/E ตลาดหุ้นไทยจะสูงกว่าภูมิภาคหรือไม่”

    โดยมาตรการภาครัฐที่ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ นอกจากโครงสร้างพื้นฐาน นักวิเคราะห์ยังห้ความสำคัญกับการลดคอร์รัปชัน การความคุบอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสม การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 20% เหลือ 16-17%  เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน กระตุ้นการลงทุน  การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อกระตุ้นการบริโภค ส่วนอัตราดอกเบี้ยกว่า 75% มองว่าควรคงไว้ในระดับเดิม

    นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่ารัฐบาลควรทบทวน และยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว และรับประกันราคายางพารา โดยปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด อีกทั้งเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

    สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงสุด ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 37.41% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 33.42% และกลุ่มธนาคาร 24.84%  โดยหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำลงทุนตรงกันหลายสำนัก ได้แก่ BBL, CK, INTUCH, KBANK, SIRI
กำลังโหลดความคิดเห็น