ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สสว.เดินหน้าสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs อีสานและพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศ เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC ชี้หมดยุคแรงงานราคาถูก
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs และพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีนายชัยพร ชยานุรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวรายงาน และมีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมกว่า 500 คน
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs โดยการรวมกลุ่มของเครือข่ายวิสาหกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือมีความเกี่ยวข้องเป็นห่วงโซ่การผลิต รวมถึงสถาบันที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงิน สถาบันวิจัยและพัฒนา สถาบันการศึกษา และสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ
นายชัยพร ชยานุรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผยว่า ตามแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2555-2559) ของ สสว.มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครือข่าย SMEs อย่างยั่งยืนให้ได้ 60 เครือข่าย ต่อปี ซึ่งโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs และพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนนี้ ดำเนินการใน 18 กลุ่มจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs รวมกันเป็นเครือข่ายในการช่วยเหลือและดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจร่วมกัน สอดคล้องกันศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนเชื่อมโยงกับวิสาหกิจขนาดใหญ่ และพัฒนาเครือข่ายที่มีอยู่เดิมให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนากลไกความร่วมมือระหว่าง สสว.กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำแผนส่งเสริมและพัฒนา SMEs ในแต่ละกลุ่มจังหวัดตามบริบทและความต้องการที่แท้จริงในแต่ละพื้นที่
สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมมากกว่า 5,000 ราย ทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งและยั่งยืนได้ และมีการรวมกันเป็นเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือและดำเนินธุรกิจร่วมกัน สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ที่ รวมทั้งมีความร่วมมือและบูรณาการ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม SMEs ของแต่ละกลุ่มจังหวัด ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการ ร่วมกันกำหนดทิศทาง เป้าหมาย ข้อมูลข่าวสารซึ่งส่งผลดีในการเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศระดับภูมิภาคและระดับโลก และยังเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเสรีทางการค้าและการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ต่อไป
ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล กล่าวถึงผลกระทบการปรับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ กับธุรกิจ SMEs ว่า เรื่องนี้มีผลกระทบน้อยมากและอยู่ในวิสัยทีสามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่อุปสรรคในการขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs ของประเทศแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันได้หมดยุคของการใช้แรงงานราคาถูกไปแล้ว เราต้องมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและการบริหารการจัดการไม่ใช่ใช้แรงงานราคาถูก และต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้สูงขึ้นเพื่อให้มีรายได้มากขึ้นด้วย