ส.นักวิเคราะห์เผยคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 56 มีโอกาสพุ่งทะลุ 1,700 จุด โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท การประเมินว่าผลประกอบ บจ. จะขยายตัวสูงในปีนี้ และต่างชาติจะเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง แนะภาครัฐควรเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อกระตุ้นการบริโภค และกำลังซื้อ
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนปี 2556 พบว่านักวิเคราะห์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้จะอยู่จุดสูงสุดที่ 1,704 จุด ซึ่งสูงสุดในรอบ 19 ปี นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2537 และคาดการณ์ว่าดัชนีปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,625 จุด หรือปรับเพิ่มขึ้น 154 จุด จากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 1,471 จุด
ทั้งนี้ มีปัจจัยบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 20.3 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 15.2 การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปรับประมาณการขึ้นเป็นร้อยละ 4.9 จากเดิมร้อยละ4.6 และนักลงทุนต่างชาติยังเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยคาดว่าช่วงที่เหลือของปีจะซื้อสุทธิ 27,000 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 8,125 ล้านบาท พอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 2,000 ล้านบาท รวมเป็น 37,125 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักสูงสุดคือ ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เริ่มแพงขึ้น ขณะนี้อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.5 เท่า ณ ดัชนีที่ 1,550 จุด ปัญหาในยูโรโซนที่อยู่ระหว่างการแก้ไข และปัญหาการเมืองไทย ทั้งประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ถึงร้อยละ 94 ที่กังวลถึงความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐว่าจะไม่เป็นไปตามกำหนด เพราะจะกระทบถึงการลงทุนและกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะโครงการลงทุนเป็นความหวังของเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก แต่ปีนี้ต้องพึ่งพิงการลงทุนภาครัฐและเอกชนเป็นหลัก
นายสมบัติยังมองว่า อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตสูง คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้างโตร้อยละ 37.41 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 33.42 และกลุ่มธนาคาร ร้อยละ 24.84 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงอยู่ร้อยละ 2.75 จนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังแข็งแรง และธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีความกังวลเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนเร่งตัวขึ้น หากอัตราดอกเบี้ยลดลง
