“อนันดาฯ” แตกบริษัทรับเหมาก่อสร้าง หวังรองรับโครงการในกลุ่มที่จะเกิดขึ้นจำนวนมาก ตามการเกิดสถานีรถไฟฟ้ากว่า 200 สถานี ดึงมือดีจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างมานั่งบริหาร พร้อมหาลู่ทางดึงระบบพรีแคสมารับกับการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม คุมต้นทุน โอนไว ตั้งเป้าอัตราเติบโตต่อปี 25%
นาย ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการรองรับอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ที่จะมีการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 10 สาย กว่า 200 สถานี ประกอบกับปัจจุบัน ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ต่างประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง และแรงงาน ล่าสุด เมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา ได้ก่อตั้งบริษัท เฮลิกซ์ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 89 ล้านบาท เพื่อรองรับงานรับเหมางานก่อสร้างโครงการของบริษัทฯ โดยวางนโยบายจะรับงาน 1 ใน 3 ของโครงการที่ลงทุนทั้งหมด ซึ่งได้ทาบทาม นายสุวิทย์ เกียรติสัมพันธ์และนายจุฑา พรมชินวงศ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างอาคารสูงมาช้านาน มีประสบการณ์กับนายบ๊อบ เคโวเคียน ตั้งแต่บริษัท ฟิลิป ฮอฟแมนน์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เค-เทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และคริสเตียนี แอนด์ นีลเส็น มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพให้แก่อนันดาฯ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาระบบพรีแคส หรือการก่อสร้างระบบสำเร็จรูป เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้าง จากปัจจุบันโมเดลของบริษัทฯ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างอาคารสูง 30 ชั้น ประมาณ 18-20 เดือน เหลือ 13-15 เดือน หลังจากเสร็จสิ้นการลงเสาเข็ม ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน ซึ่งตามนโยบายของบริษัทฯ ต้องการหมุนรอบของเงินให้คุ้มค่าที่สุด
“การซื้อที่ดินแต่ละแปลงเพื่อพัฒนาแต่ละโครงการ จะต้องเสียเวลาในการรอการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นานถึง 6 เดือน ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้นหากบริษัทฯ นำระบบพรีแคสมาใช้ในการก่อสร้างได้ จะให้ในช่วงที่รอผลการอนุมัติ EIA ทำให้บริษัทหล่อระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปไปก่อนได้ และเมื่อผ่านการอนุมัติแล้ว ก็สามารถนำชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาประกอบที่ไซต์งานก่อสร้างได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างได้ นั่นหมายถึงจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถหมุนรอบเงินได้เร็วขึ้น” นายชานนท์กล่าว
นายชานนท์ กล่าวต่อไปว่า นโยบายการพัฒนาโครงการแนวสูง และแนวราบของบริษัทฯ ยังเน้นใกล้แนวรถไฟฟ้า โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีจำนวนยูนิตจากโคงการที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าระยะทางไม่เกิน 300 เมตร เป็็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
“ทั้งนี้ เรามองอสังหาฯ อยู่ที่ทำ และก็ทำซึ่งก็เหมือนเราเป็นหุ้นบูลชิป ก็มีความเหนียว ทนกว่า ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีนี้ บริษัทฯ จะต้องรักษาอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 25% และอัตราการเติบโตผลกำไรก่อนการหักภาษีที่ 35% และในขณะยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรชาวต่างชาติที่จะเข้ามาร่วมทุน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าพันธมิตรจะเข้ามาร่วมทุนในรูปแบบใด ทั้งนี้การดึงพันธมิตรเข้ามานั้นเพื่อเป็นการเสริมศักยภาพในเรื่องเงินทุน และโนว์ฮาว”