xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” มั่นใจแผนกู้ลงทุน 2 ล้านล้านบาท ดันเศรษฐกิจไทยเติบโตเพิ่ม 1%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คลัง” มั่นใจแผนกู้ลงทุน 2 ล้านล้านบาท ดันเศรษฐกิจโตเพิ่ม 1% ต่อปี ย้ำคุมสัดส่วนหนี้ไม่เกิน 50% ต่อจีดีพี ยอมรับโครงการใหญ่เอื้อทุจริตสูง แนะรัฐบาลต้องดำเนินการให้โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมนำโครงการทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบรายละเอียด และติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ตลอดเวลา

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวในงานเสวนา “ยุทธศาสตร์การลงทุนเพื่ออนาคตประเทศไทย” โดยระบุว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง นอกจากจะส่งผลดีให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจทำให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% ต่อปี ในช่วง 7-8 ปี ข้างหน้า โดยในบางปีเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นถึง 1.3-1.5% ต่อปี

นอกจากนี้ การลงทุนอาจจะส่งผลกระทบภาพลบบ้าง เช่น การทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นปีละ 0.16% แต่ยังเป็นอัตราที่ต่ำไม่กระทบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน จะทำให้มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องจากมีการนำเข้าวัตถุดิบ และเครื่องจักรมาลงทุน ซึ่งเป็นถือเป็นปัจจัยลบที่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ

ด้าน น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวในงานเสวนเดียวกันว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่เกิน 50% จีดีพี จากปัจจุบัน หนี้สาธารณะอยู่ที่ 45% ของจีดีพี เพราะเป็นการทยอยกู้ภายใน 7 ปี โดยการกู้เงินจะมีทั้งการออกพันธบัตรรัฐบาล และการออกพันธบัตรออมทรัพย์ระดมทุนจากประชาชนทั่วไปด้วย

ขณะที่ นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจริงๆ ของกระทรวงคมนาคมต้องใช้เงินสูงถึง 4 ล้านล้านบาท ซึ่งใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ส่วนที่เหลือต้องใช้เงินจากเงินงบประมาณ เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และการให้เอกชนร่วมลงทุน ซึ่งในส่วนนี้ สคร. ได้ผลักดันกฎหมายร่วมทุนรัฐ และเอกชนฉบับใหม่ หรือ PPP เป็นที่เรียบร้อย อยู่รอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนคล่องตัวมากขึ้น และไม่เป็นหนี้สาธารณะเพิ่ม

สำหรับ นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการลงทุนขนาดใหญ่เอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชันสูง ดังนั้น การดำเนินการประมูลรัฐบาลต้องมีความโปร่งใส และควรเปิดให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้ประมูลได้ ราคาเท่าไร มีการดำเนินการไปถึงไหน ซึ่งรัฐบาลควรนำโครงการทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบรายละเอียด และความคืบหน้าของโครงการได้ตลอดเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น