นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. คาดว่าพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ กฎหมาย PPP ที่มีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมจะบังคับใช้ไม่เกินเดือนมีนาคมปีนี้
สำหรับพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขนี้ ทำให้เอกชนสามารถลงทุนโครงการของรัฐได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐภายใต้พระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เอกชนสามารถลงทุนร่วมกับรัฐได้ในอัตราร้อยละ 20 และจากการประเมิน หากเอกชนสนใจร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง เม็ดเงินลงทุนคิดเป็นมูลค่า 3-4 แสนล้านบาท กฎหมายฉบับนี้จะทำให้แผนการลงทุนเกิดขึ้น และชัดเจนได้ใน 7-8 เดือน รวมทั้งทำให้โครงสร้างพื้นฐานระยะยาวของรัฐเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า โครงการที่เข้าข่ายกฎหมายนี้ ต้องเป็นโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 5 ปี ของรัฐบาลที่กำหนดไว้ เอกชนที่เข้าร่วมก่อสร้างและบริหารโครงการจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องไม่จัดเก็บค่าบริการกับประชาชนในอัตราที่สูงเกินไป
สำหรับพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขนี้ ทำให้เอกชนสามารถลงทุนโครงการของรัฐได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐภายใต้พระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เอกชนสามารถลงทุนร่วมกับรัฐได้ในอัตราร้อยละ 20 และจากการประเมิน หากเอกชนสนใจร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง เม็ดเงินลงทุนคิดเป็นมูลค่า 3-4 แสนล้านบาท กฎหมายฉบับนี้จะทำให้แผนการลงทุนเกิดขึ้น และชัดเจนได้ใน 7-8 เดือน รวมทั้งทำให้โครงสร้างพื้นฐานระยะยาวของรัฐเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นายประสงค์ กล่าวอีกว่า โครงการที่เข้าข่ายกฎหมายนี้ ต้องเป็นโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 5 ปี ของรัฐบาลที่กำหนดไว้ เอกชนที่เข้าร่วมก่อสร้างและบริหารโครงการจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องไม่จัดเก็บค่าบริการกับประชาชนในอัตราที่สูงเกินไป
