สคร.เล็งดึงเอกชนร่วมลงทุนในสวนสัตว์ดุสิต ยกระดับเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ของประเทศ เทียบชั้น อังกฤษ-ฝรั่งเศส
นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ สคร.ร่วมกับสวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนา ยกระดับขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ ซึ่งปัจจุบันสวนสัตว์ดุสิตมีจุดแข็งที่สำคัญคือ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และมีสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ หากยกระดับให้สวนสัตว์ดุสิตขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้สำเร็จก็เท่ากับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สวนสัตว์แห่งนี้
“ผมได้หารือหลักการกับผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิตไปแล้ว โดย สคร.และสวนสัตว์ดุสิตมีความเห็นตรงกันว่าจะยกระดับสวนสัตว์ดุสิตให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงได้ หากทำได้สำเร็จเด็กๆ และนักศึกษาที่ต้องการความรู้เพิ่มเติมในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า และลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของสัตว์แต่ละชนิดก็ไม่ต้องเดินทางไกล เพียงมาที่สวนสัตว์ดุสิตเท่านั้นก็จะพบกับแหล่งวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปัจจุบัน แต่มีราคาถูกกว่าสวนสัตว์ของเอกชนหลายเท่าตัว”
สำหรับรูปแบบของสวนสัตว์ดุสิตใหม่จะเน้นรูปแบบการศึกษาที่ทันสมัย เช่น มีภาพยนตร์ 4 มิติ (เสียง กลิ่น ภาพ และสัมผัส) มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตสัตว์ป่าแต่ละชนิดได้ เหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาท้องฟ้าจำลอง หรืออาจจะทำให้สวนสัตว์ดุสิตพัฒนาขึ้นไปเทียบกับพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของโลกเหมือนกับประเทศอังกฤษ หรือฝรั่งเศสก็สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ สคร.ได้เสนอที่จะใช้วิธีการลงทุนร่วมจากภาคเอกชน โดยอาศัยแหล่งเงินทุนจากภาคเอกชนที่ต้องการลงทุนเพื่อสังคมและการศึกษา ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในรูปแบบของการร่วมทุนกับภาคเอกชน หรือ Private Public Partnership (PPP) ที่ไม่มุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างผลกำไรสูงๆ แต่เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
นายประสงค์กล่าวว่า ในอนาคตโครงการพีพีพีจะมีประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างมาก หากรัฐบาลต้องการสร้างศูนย์เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ การลงทุนเพื่อก่อสร้างหรือขยายโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอเงินงบประมาณเพียงอย่างเดียว เนื่องจากผลตอบในลักษณะดังกล่าวจะมีระยะเวลาในการคืนทุนยาวนานถึง 20 ปี ให้อัตราผลตอบแทนไม่มาก แต่มีความสม่ำเสมอ โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณในแต่ละปีชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อกระจายเงินงบประมาณในแต่ละปีที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ สคร.ร่วมกับสวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนา ยกระดับขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ ซึ่งปัจจุบันสวนสัตว์ดุสิตมีจุดแข็งที่สำคัญคือ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และมีสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ หากยกระดับให้สวนสัตว์ดุสิตขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้สำเร็จก็เท่ากับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สวนสัตว์แห่งนี้
“ผมได้หารือหลักการกับผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิตไปแล้ว โดย สคร.และสวนสัตว์ดุสิตมีความเห็นตรงกันว่าจะยกระดับสวนสัตว์ดุสิตให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงได้ หากทำได้สำเร็จเด็กๆ และนักศึกษาที่ต้องการความรู้เพิ่มเติมในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า และลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของสัตว์แต่ละชนิดก็ไม่ต้องเดินทางไกล เพียงมาที่สวนสัตว์ดุสิตเท่านั้นก็จะพบกับแหล่งวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปัจจุบัน แต่มีราคาถูกกว่าสวนสัตว์ของเอกชนหลายเท่าตัว”
สำหรับรูปแบบของสวนสัตว์ดุสิตใหม่จะเน้นรูปแบบการศึกษาที่ทันสมัย เช่น มีภาพยนตร์ 4 มิติ (เสียง กลิ่น ภาพ และสัมผัส) มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตสัตว์ป่าแต่ละชนิดได้ เหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาท้องฟ้าจำลอง หรืออาจจะทำให้สวนสัตว์ดุสิตพัฒนาขึ้นไปเทียบกับพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของโลกเหมือนกับประเทศอังกฤษ หรือฝรั่งเศสก็สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ สคร.ได้เสนอที่จะใช้วิธีการลงทุนร่วมจากภาคเอกชน โดยอาศัยแหล่งเงินทุนจากภาคเอกชนที่ต้องการลงทุนเพื่อสังคมและการศึกษา ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในรูปแบบของการร่วมทุนกับภาคเอกชน หรือ Private Public Partnership (PPP) ที่ไม่มุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างผลกำไรสูงๆ แต่เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
นายประสงค์กล่าวว่า ในอนาคตโครงการพีพีพีจะมีประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างมาก หากรัฐบาลต้องการสร้างศูนย์เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ การลงทุนเพื่อก่อสร้างหรือขยายโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอเงินงบประมาณเพียงอย่างเดียว เนื่องจากผลตอบในลักษณะดังกล่าวจะมีระยะเวลาในการคืนทุนยาวนานถึง 20 ปี ให้อัตราผลตอบแทนไม่มาก แต่มีความสม่ำเสมอ โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณในแต่ละปีชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อกระจายเงินงบประมาณในแต่ละปีที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
