นายกสมาคมโบรกเกอร์ ห่วงนักลงทุนรายย่อยเสียหายเข้าลงทุนหุ้นไอพีโอ หลังเข้าเทรดวันแรกราคาพุ่งกว่า 100-200% วันต่อมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง เตือนนักลงทุนพิจารณาลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน อย่าตามกระแส ด้าน “นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนวีไอ เตือนอย่าเข้าเล่นหุ้นไอพีโอวันแรก เหตุราคาจองหุ้นไอพีโอเป็นราคาที่เต็มมูลค่าแล้ว หากออกไม่ทันขาใหญ่ติดดอย แจงราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงเก็งกำไรล้วนๆ
ปัจจุบัน มีหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียนแล้วจำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาไอพีโอ 5.50 บาท วันแรกเข้าซื้อขาย 30 มกราคม ราคาปิดที่ 7.60 บาท ราคาหุ้น ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ราคาปิดที่ระดับ 6.40 2.บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP ราคาไอพีโอ 2 บาท เข้าซื้อขายวันแรก 7 กุมภาพันธ์ ราคาปิดที่ 6 บาท ราคา ณ วันที่ 15 ก.พ. ปิดที่ระดับ 4.64 บาท 3.บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PPP ราคาหุ้นไอพีโอ 5 บาท เข้าซื้อขายในวันแรก 14 กุมภาพันธ์ ราคาปิด 12.30 บาท แต่ราคา ณ 15 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 9.70 บาท
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายวันแรก แล้วราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจองจำนวนมาก หลังจากนั้นราคาปรับตัวลดลงแรง ซึ่งจะมีผลต่อนักลงทุนรายย่อยจริงที่เข้าไปลงทุนอาจจะได้รับความเสียหาย เพราะหากออกไม่ทันก็จะทำให้ติดอยู่ที่ราคาที่สูง ซึ่งก็จะใช้เวลานานกว่าที่หุ้นจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่นักลงทุนติดอยู่
ทั้งนี้ นักลงทุนควรจะระมัดระวังการลงทุน ซึ่งจะต้องพิจารณว่าราคาหุ้น และค่า P/E ว่ามีความเหมาะสม หากราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และมีค่า P/E ถึง 40-50 เท่าก็ไม่ควรเข้าไปลงทุน ซึ่งส่วนตัวมองว่าหุ้นไอพีโอที่มีราคาเหมาะสม และมีศักยภาพ ทำให้สามารถรักษาระดับราคาได้ ไม่ปรับตัวลดลงแรงหลังจากเข้าซื้อขายวันแรกแล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเพิ่มระยะเวลาซื้อขายด้วยเงินสดในหุ้นที่เข้าเกณฑ์แคชบาลานซ์ นั้นก็จะช่วยลดแรงเก็งกำไร ได้ ซึ่งหุ้นเข้าใหม่จะเทรด 1 สัปดาห์ก่อน หากร้อนแรงก็จะถูกเข้าแคชบาลานซ์
“ตอนนี้เริ่มรู้สึกกังวลกับหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขย จากที่ความแตกต่างของราคาไอพีโอในวันเข้าซื้อขาย และหลังจากการซื้อขาย ซึ่งส่วนตัวเป็นห่วง และไม่อยากให้เกิดมีเหตุการณ์ที่นักลงทุนรายย่อยจริงๆ ที่เข้าไปลงทุนหุ้นไอพีโอ จากกระแสขณะนี้ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง เพราะหากนักลงทุนติดอยู่ที่ราคาสูง กว่าจะกลับมาที่ราคานั้นต้องใช้เวลานาน จึงอยากให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนพิจารณาการลงทุนที่ปัจจัยพื้นฐานหากเกินพื้นฐานแล้วไม่อยากให้เข้าไปลงทุนตามกระแส” นางภัทธีรา กล่าว
นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่านักลงทุนรายย่อยไม่ควรที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นไอพีโอวันแรกๆ ที่เข้าจดทะเบียน เนื่องจากหุ้นไอพีโอที่เข้ามาซื้อขายนั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาจอง 100-200% ซึ่งเป็นเพราะแรงก็งกำไร จากที่มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่มีฐานเงินทุนที่ใหญ่ ทำให้สามารถคุมทิศทางราคาได้ ทำให้นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบได้
สำหรับการที่ราคารปรับตัวเพิ่มสูงจากแรงเก็งกำไรนั้นทำให้มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะมีการปรับตัวลดลลงมาแรงมาอยู่ที่ระดับราคาจองไอพีโอได้ เพราะ การตั้งราคาเสนอขายไอพีโอนั้นเป็นราคาที่เต็มมูลค่า หรือเป็นราคาพื้นฐานของบริษัท โดยการที่โบรกเกอร์ หรือที่ปรึกษาทางการเงินบอกว่าราคาไอพีโอนั้น ให้ส่วนลดนักลงทุน 20-30% นั้นไม่จริง เพราะในช่วงก่อนที่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน 1-2 ปีนั้นมีการแต่งตัวมาดีแล้วเพื่อจะเข้าจดทะเบียน และยิ่งการเสนอขายหุ้นจำนวนน้อยยิ่งทำให้มีการเก็งกำไรได้สูง จากที่มีความต้องการหุ้นที่มาก
“ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าจดทะเบียนวันแรกราคายังคงปรับตัวขึ้นแรงอยู่ เพราะจะมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่จะเข้ามาเก็งกำไร แม้จะมีความเสี่ยงสูงก็พร้อมที่จะมาเก็งกำไร เพราะมองว่าหากเข้ามาลงทุนก็จะกำไรที่สูงเช่นกันหากเข้าออกทัน” นายนิเวศน์กล่าว
ขณะเดียวกัน การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วมาอยู่ที่ระดับกว่า 1,500 จุดนั้น ถือว่าเป็นระดับที่น่ากลัวในการลงทุน ซึ่งสำหรับนักลงทุน VI แล้ว ขณะนี้ถือว่าหาหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนยากมาก เพราะไม่มีหุ้นตัวไหนที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐานแล้ว และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากต้องการลงทุน นั้น นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม ซึ่งยังสามารถลงทุนได้ โดยควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นที่มีเก็งกำไรที่สูง