กลุ่มเจริญฮุบ “เคแลนด์” หุ้นใหญ่ 40% หลังประสบความสำเร็จเทกฯ F&N ล่าสุด ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นส่งตัวแตนF&N นั่งกรรมการ 9 คนนั่งบอร์ดบริหาร “ชายนิด” ระบุรถไฟฟ้าชานเมืองในอนาคต โซนตะวันตก-ตะวันออก ดันดีมานด์ตลาดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ขยายตัว ฟันธงคอนโดฯ 1 ล้านบาทต้นๆ กลางเมืองสุญพันธุ์ ที่ดินแพงผู้ประกอบการหันขึ้นโครงการไฮเอนด์ราคาแสนบาทต่อ ตร.ม. แทน ด้าน PF ชูจุดแข็งที่ดินสะสมแนวรถไฟฟ้า 2,200 ไร่ เผยแผนปี 56 ลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่าขายรวม 27,000 ล้านบาท แจงแบ็กล็อกรอรับรู้รายได้ 27,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ปีนี้ 36% ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปี 56 กว่า 15,000 ล้านบาท โตจากปีก่อน 67% ส่วนเป้ายอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท โตจากปีก่อน36% พร้อมเดินหน้าออกหุ้นกู้เพิ่ม 4,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรก 2,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังอีก 2,000 ล้านบาท
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า หลังจากที่ กลุ่มบริษัทของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้าเทกโอเวอร์กลุ่มบริษัท เฟเซอร์แอนด์ นีฟ จำกัด (F&N) ในประเทศสิงคโปรสำเร็จ ล่าสุด ได้มีการปรับโครงส้รางผู้ถือหุ้นในบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ เคแลนด์ ซึ่ง F&N เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 40% โดยได้ส่งตัวแทนเข้ามานั่งในบอร์ดบริหารของ “เคแลนด์” แล้ว 9 คน
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมยังประกอบด้วย บริษัท PF ซึ่งถือหุ้นอยู่ 20% ดร.พิจิตร รัตตกุล ถือหุ้น 14% นายวิชัย ทองแตง ถือหุ้นอยู่ 8% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งในส่วนนี้ มีนายธงชัย คุณากรปรมัตถ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคแลนด์ ร่วมอยู่ด้วย
นายชายนิด กล่าวถึงแผนดำเนินธุรกิจปี 2556 ว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2555 ที่ทำได้ 14,000 ล้านบาท เป็นเป้าขายโครงการแนวราบ 9,690 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 9,310 ล้านบาทโดยปีนี้ บริษัทยังจะมีการเติบโตอย่างชัดเจนในด้านรายรับ โดยตั้งเป้าหมายจะมีรายได้ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า ซึ่งมีรายได้ 9,000 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการแนวราบยังคงเป็นหลัก ในสัดส่วน 64% ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณ 9,660 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็น Backlog 1,100 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากโครงการแนวสูง คาดว่าจะมีจำนวน 4,270 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้เพิ่มขึ้นได้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยปีนี้ บริษัทมีคอนโดมิเนียมที่เป็น Backlog จำนวน 1,800 ล้านบาท และมีโครงการที่สามารถรับรู้รายได้เพิ่มเป็น 4 โครงการ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 2 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีรายได้จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1,070 ล้านบาท จากโครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์ เชียงใหม่ และศาลายา ซึ่งทั้ง 2 โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ และคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนได้เรียบร้อยภายในครึ่งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ จากการที่รัฐมีแผนเร่งรัดการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายเส้นทาง ส่งผลโดยตรงกับแลนด์แบงก์ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งอยู่บนทำเลใกล้รถไฟฟ้า รวม 2,200 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการพัฒนา 71,000 ล้านบาท ซึ่งยังสามารถพัฒนาโครงการได้อีก 3 ปี ทั้งโครงการเดิมที่มีอยู่ และแลนด์แบงก์ทำเลใหม่ ประกอบด้วย ทำเลกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT 50 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 16,000 ล้านบาท โซนตะวันตก ใกล้สายสีม่วง 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 15,000 ล้านบาท โซนเหนือ ใกล้สายสีแดง และสีชมพู รวม 750 ไร่ มูลค่าการพัฒนา 20,000 ล้านบาท และ โซนตะวันออก ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ 200 ไร่ และสายสีส้ม 600 ไร่ มูลค่าการพัฒนารวม 20,000 ล้านบาท
สำหรับปี2556นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง 21 โครงการ รวมมูลค่า 27,550 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ 15 โครงการ มูลค่า 18,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 9,200 ล้านบาท โดยมีทำเลใหม่ เช่น กรุงเทพกรีฑา แจ้งวัฒนะ พัฒนาการ บางนา ประชาชื่น เพชรเกษม สำหรับการเปิดโครงการใหม่ ในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดตัว 7 โครงการ และในครึ่งปีหลังอีก 14 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีการขยายโครงการไปในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ คอนโดมิเนียมที่หัวหิน ซึ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัดอีกแห่งหนึ่ง นอกเหนือจากหอพักนักศึกษาที่เชียงใหม่
“เพื่อเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ด้วยการเน้นงานก่อสร้างในระบบพรีแฟบเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 50% เพื่อให้งานก่อสร้างเร็วขึ้น ส่งมอบได้รวดเร็ว รับรู้รายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาโครงการ รูปแบบสินค้า และงานก่อสร้าง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการ รวมถึงการสร้างความแตกต่างในเรื่องสินค้า ทั้งบ้าน และคอนโดมิเนียม ด้วยแบบบ้านใหม่ รูปแบบทันสมัย และให้พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง โดยนอกเหนือจากโรงงานผลิตของบริษัทแล้ว ยังมีความร่วมมือกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการผลิตด้วยระบบพรีแฟบทั้งในโครงการบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม 8 ชั้นด้วย นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ SCG HEIM สำหรับงานก่อสร้างโครงการในตลาดบ้านระดับบน
นายชายนิด กล่าวว่า ในด้านการเงินปี 2556 นั้น บริษัทยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงินหลัก ทั้ง ธนาคารกรุงไทย ธนชาต กรุงศรีอยุธยา และซีไอเอ็มบีไทย ซึ่งบริษัทยังได้ปรับลดงบลงทุนซื้อที่ดินเหลือปีละ 2,000 ล้านบาท และมีนโยบายรักษาระดับหนี้สินต่อทุนในอัตราส่วน 1.5 เท่า นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้นด้วย