ธปท.จับตาเงินนอกไหลเข้าสูง อาจเกิดโอเวอร์ฮีตต่อระบบ ศก. บางส่วน เพราะ ดบ.ต่ำอาจทำให้เงินไหลไปกระจุกในสินทรัพย์เสี่ยง เตือนสัญญาณฟองสบู่ “ตลาดหุ้น-อสังหาฯ” แม้ยังไม่เสี่ยงมากแต่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ส่วนการดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนเร็ว ธปท.ยังมีเครื่องมืออีกหลายอย่าง แต่ต้องเลือกใช้ผสมผสานกัน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจตามปกติ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ในฐานะต้องเฝ้าระวังเพราะมีความเป็นไปได้ที่เงินทุนจากต่างประเทศซึ่งไหลเข้ามาลงทุน อาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในบางตลาดได้ เพราะถ้าสภาพคล่องในระบบเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ เงินบางส่วนอาจไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความเสี่ยงใดที่น่ากังวล แต่เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง
“เรื่องฟองสบู่คงไม่สามารถบอกได้ชัดๆ เพราะมันไม่ใช่ 1 กับ 100 แต่ก็เป็นสัญญาณที่ต้องระวัง บางสัญญาณเราก็คงพอเห็นอยู่ เช่น ระยะหลังในตลาดหลักทรัพย์ก็ค่อนข้างคึกคัก หรืออสังหาริมทรัพย์ในบางเขต บางพื้นที่ก็มีความคึกคักพอประมาณ แต่จะบอกว่ามันเกิดภาวะที่น่ากลัวแล้วใช่หรือไม่ มันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ก็เป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง”
นายประสารกล่าวว่า ธปท.พร้อมดูแลในกรณีที่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าหรือผันผวนเร็วเกินไป แต่อยากให้ผู้ประกอบการใช้ความระมัดระวังเตรียมความพร้อมในการรับมือด้วย เพราะทางการเองคงไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ในทุกเรื่อง ดังนั้นภาคธุรกิจเองควรต้องระมัดระวังในเรื่องความเสี่ยงเอาไว้ด้วย
ในส่วนของข้อเสนอที่อยากให้มีการลงทะเบียนนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น มาตรการเหล่านี้ก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ ธปท.ดูอยู่ เพียงแต่การนำมาใช้ต้องดูช่วงเวลาและความเหมาะสมด้วย โดยประเทศที่ใช้มาตรการเหล่านี้อยู่ เช่น จีน เพียงแต่จีนเริ่มจากการเป็นประเทศที่ปิดกั้นเงินทุนเคลื่อนย้ายแล้วมาค่อยๆ เปิด จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือตรงนี้ ซึ่งแตกต่างจากไทยที่เป็นประเทศเปิดกว้างในเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว ดังนั้น การจะทำต้องดูในเรื่องความเคยชิน และชื่อเสียงด้วย
“พวกนี้ก็เป็นเครื่องมือหนึ่ง เพราะอย่างที่เราบอก เรามีเครื่องมือหลายๆ อย่างเลือกใช้ผสมผสานกัน เพียงแต่เครื่องมือตรงนี้มันก็มีภาระของคนที่มาทำ ลองนึกภาพลูกค้าแบงก์จะต้องมาจดทะเบียนอะไรกันใหม่ ดังนั้นก็ต้องดูในเชิงปฏิบัติด้วย” นายประสารกล่าว