ส.ตราสารหนี้ค้านผู้ส่งออกเตรียมเรียกร้อง ธปท.ออกมาตรการควบคุมเงินไหลเข้า หวั่นกระทบการลงทุนระยะยาว แนะเลียนแบบมาเลเซีย อินโดนีเซียเปิดให้ลงทะเบียน หากพบพฤติกรรมโจมตีค่าเงินก็ขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามลงทุนได้ทันที หรือกำหนดการถือครองตราสารห้ามขายก่อนครบกำหนด
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการส่งออกเตรียมเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน (Capital Control) เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท โดยมองว่า หากทาง ธปท.ออกมาตรการดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว เพราะการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินต่างชาติจะทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามาลงทุน เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการมาควบคุมเมื่อใด
“การออกมาตรการชั่วคราวจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลัว การจะออกมาตรการอะไรต้องมีความชัดเจนและมีการประกาศที่แน่ชัด ไม่ใช่การออกมาตรการเป็นครั้งคราว เพราะจะทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามา”
นายนิวัฒน์เห็นว่า ธปท.ควรออกนโยบายป้องกันเงินไหลเข้าแบบเดียวกับประเทศมาเลเซียที่ดำเนินการอยู่ คือการให้นักลงทุนต่างชาติลงทะเบียนก่อนเข้ามาลงทุน และหากพบว่านักลงทุนรายใดมีแนวโน้มที่จะลงทุนเพื่อโจมตีค่าเงินหรือลงทุนผิดปกติ ก็ให้ระงับการลงทุนในประเทศไป
ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ถึง 1 แสนล้านบาท โดย 90% เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น และมีแนวโน้มที่จะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดูแลไม่ให้มีการสร้างความผันผวนให้ค่าเงิน อย่างเช่นมาตรการเดียวกับมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียจะมีการกำหนดอายุการซื้อพันธบัตร กล่าวคือ หากนักลงทุนซื้อพันธบัตรอายุ 3 เดือน ก็ต้องถือให้ครบอายุ 3 เดือน ห้ามซื้อขายก่อนหน้านั้น เพื่อลดความผันผวนของกระแสเงินทุน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าถือเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการควรออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์เสนอขายในประเทศ ภายหลังจากที่ ธปท.ได้อนุมัติให้สามารถออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ได้ในช่วงปลายปีก่อน