ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลดำเนินงาน 11 แบงก์พาณิชย์ โชว์กำไรปี 55 สูงถึง 1.6 แสนล้านบาท เป็นผลจากมีรายได้ดอกเบี้ย และสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 14,625.33 ล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 57.87
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง ที่ได้แจ้งงบต่อ ตลท.แล้ว พบว่า ในปี 55 มีกำไรสุทธิรวม 163,139.56 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 30.06 หรือ 27,708.43 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิรวม 125,431.13 ล้านบาท เป็นผลจากมีรายได้ดอกเบี้ย และสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีกำไรสุทธิที่ 14,625.33 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 57.87 หรือ 5,361 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 9,264.33 ล้านบาท
รองลงมาคือ ธนาคารเกียรตินาคิน มีกำไรสุทธิที่ 3,391.28 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 49.22 หรือ 1,118.66 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 2,272.62 ล้านบาท, ธนาคารกสิกรไทย มีกำไรสุทธิที่ 35,259.79 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 45.55 หรือ 11,034.23 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 24,225.56 ล้านบาท
สำหรับธนาคารกรุงไทย มีกำไรสุทธิที่ 23,566.11 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 38.40 หรือ 6,538.74 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 17,027.37 ล้านบาท, แอลเอชแบงก์ มีกำไรสุทธิที่ 682.77 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 37.70 หรือ 186.94 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 495.83 ล้านบาท, ธนาคารไทยพาณิชย์ มีกำไรสุทธิที่ 40,220 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 28.86 หรือ 9,007 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 21,213 ล้านบาท, ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิที่ 33,021.46 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 20.79 หรือ 5,683.83 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 27,337.63 ล้านบาท
ส่วนธนาคารซีไอเอ็มบีไทย มีกำไรสุทธิที่ 1,580.93 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 20.10 หรือ 264.55 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 1,316.38 ล้านบาท, ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป มีกำไรสุทธิที่ 3,705.18 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 13.42 หรือ 438.43 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 3,266.75 ล้านบาท, ทุนธนชาต มีกำไรสุทธิที่ 5,481.53 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 9.58 หรือ 479.10 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 5,002.43 ล้านบาท ส่วนธนาคารทหารไทย มีกำไรสุทธิที่ 1,605.18 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 59.96 หรือ 2,404.05 ล้านบาท จากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิที่ 4,009.23 ล้านบาท
นางเจนิส แร แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และรายได้ค่าธรรมเนียม รวมถึงบริการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 และเงินรับฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.6 แม้ต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดเงินโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในการเพิ่มอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน แต่ผลประกอบการยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปี 56 จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โครงการลงทุนของภาครัฐ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงวัฏจักรการลงทุนขาขึ้น และความต้องการในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยกรุงศรีตั้งเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อไว้สูงกว่าร้อยละ 12
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ ซึ่งในส่วนของกำไรในปี 55 ลดลงเหลือเพียง 1,605 ล้านบาท ปีก่อน 54 ที่มีกำไรสุทธิ 4,009 ล้านบาท เป็นผลจากการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมเพื่อปิดความเสี่ยงหนี้ด้อยคุณภาพ และรองรับเกณฑ์บาเซิล 3 แต่หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10,445 ล้านบาท ดังนั้น ในปี 56 ไม่มีแนวโน้มการตั้งสำรองพิเศษแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้กำไรเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตขึ้น มาจากการขยายตัวของสินเชื่อซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 19.7 ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้จากเบี้ยประกันชีวิต และรายได้จากการบริหารการเงินมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ส่วนคุณภาพของสินทรัพย์แม้ปรับตัวดีขึ้นมาก แต่จากการดำเนินการด้วยความระมัดระวังธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมอีก 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต