บริษัทต่างชาติบีเอ็นพีตั้งเป้าบุกประกันชีวิตเอเชีย เผยเศรษฐกิจขาขึ้นหนุนโอกาสทำธุรกิจมีเพิ่มขึ้น เล็งลุยเปิดตลาดเพิ่มรับAEC พร้อมตั้งเป้าไทยคาร์ดิฟประกันชีวิตโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% ทำเบี้ยปี 56 แตะ 5,000 ล้านบาท
นายอีริค ลอมบาร์ด ประธานบริหาร บริษัท บีเอ็นพี พาริบาส์ คาร์ดิฟ จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทได้ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมีโอกาสในการทำตลาดมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด 7 ประเทศ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม อินเดีย จีน และไทย ส่วนการขยายตลาดไปยังประเทศที่เหลือในภูมิภาคหลังการเปิดเสรีการเงินภายใต้ประชาคมอาเซียนขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเข้ามาซื้อประกันวินาศภัยในประเทศไทยนั้นบริษัทยังไม่มีความสนใจ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการทดลองนำสินค้าประกันชีวิตมาผสมกับวินาศภัยออกขายก่อน และคาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
“ที่เราเลือกเอเชียเพราะเศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัว ซึ่งถ้าดูจากรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นไปได้ที่ประชากรจะหันมาให้ความสนใจในการคุ้มครองตนเองมากขึ้นได้หลังจากนี้”
สำหรับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยผ่านบริษัท ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต จำกัด นั้นได้เข้ามาลงทุนเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยได้ร่วมกับกลุ่มไทยประกันชีวิตและกลุ่มไชยวรรณ ณ ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นอยู่ 24.9% ที่เหลือเป็นกลุ่มไทยประกันชีวิตและกลุ่มไชยวรรณ 50% ที่เหลือเป็นกลุ่มนักลงทุนคนไทยทั่วไป แต่ขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาเพื่อขอเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 49% โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มมีกำไรจากการรับประกันภัยมากขึ้น เนื่องจากจะเน้นการขายประกันในลักษณะให้ความคุ้มครองมากกว่า
ด้านนางสาวศิรินทิพย์ โชติธรรมาภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายเบี้ยรับรวมในสิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถทำได้ที่ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ 45% ผ่านสินเชื่อเช่าซื้อ 28% ผ่านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค 17%
โดยบริษัทตั้งเป้าว่าต่อจากนี้ไปถึงปี 2016 จะมีเบี้ยรับรวมเติบโตขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 20% และมีเบี้ยรับรวมในปี 2016 แตะระดับ 5,000 ล้านบาทได้ โดยกลยุทธ์ของบริษัทจะไม่เน้นแข่งขันกับบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ แต่เน้นตลาดที่แข่งขันได้ผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ที่ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบีไทยที่มีสัญญา 10 ปี โดยเน้นผลิตภัณฑ์คุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งประเภทหนึ่ง และสินเชื่อรถยนต์มือสอง สินเชื่อคุ้มครองการถูกเลิกจ้างงานที่จะเปิดตัวในปลายปีหน้า สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และสินเชื่อค้าปลีก
นอกจากนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารทิสโก้ และธนาคารเกียรตินาคิน ในการเป็นพันธมิตรทำแบงก์แอสชัวรันซ์เพิ่ม
นายอีริค ลอมบาร์ด ประธานบริหาร บริษัท บีเอ็นพี พาริบาส์ คาร์ดิฟ จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทได้ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมีโอกาสในการทำตลาดมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด 7 ประเทศ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม อินเดีย จีน และไทย ส่วนการขยายตลาดไปยังประเทศที่เหลือในภูมิภาคหลังการเปิดเสรีการเงินภายใต้ประชาคมอาเซียนขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเข้ามาซื้อประกันวินาศภัยในประเทศไทยนั้นบริษัทยังไม่มีความสนใจ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการทดลองนำสินค้าประกันชีวิตมาผสมกับวินาศภัยออกขายก่อน และคาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
“ที่เราเลือกเอเชียเพราะเศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัว ซึ่งถ้าดูจากรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นไปได้ที่ประชากรจะหันมาให้ความสนใจในการคุ้มครองตนเองมากขึ้นได้หลังจากนี้”
สำหรับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยผ่านบริษัท ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต จำกัด นั้นได้เข้ามาลงทุนเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยได้ร่วมกับกลุ่มไทยประกันชีวิตและกลุ่มไชยวรรณ ณ ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นอยู่ 24.9% ที่เหลือเป็นกลุ่มไทยประกันชีวิตและกลุ่มไชยวรรณ 50% ที่เหลือเป็นกลุ่มนักลงทุนคนไทยทั่วไป แต่ขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาเพื่อขอเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 49% โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มมีกำไรจากการรับประกันภัยมากขึ้น เนื่องจากจะเน้นการขายประกันในลักษณะให้ความคุ้มครองมากกว่า
ด้านนางสาวศิรินทิพย์ โชติธรรมาภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายเบี้ยรับรวมในสิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถทำได้ที่ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ 45% ผ่านสินเชื่อเช่าซื้อ 28% ผ่านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค 17%
โดยบริษัทตั้งเป้าว่าต่อจากนี้ไปถึงปี 2016 จะมีเบี้ยรับรวมเติบโตขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 20% และมีเบี้ยรับรวมในปี 2016 แตะระดับ 5,000 ล้านบาทได้ โดยกลยุทธ์ของบริษัทจะไม่เน้นแข่งขันกับบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ แต่เน้นตลาดที่แข่งขันได้ผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ที่ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบีไทยที่มีสัญญา 10 ปี โดยเน้นผลิตภัณฑ์คุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งประเภทหนึ่ง และสินเชื่อรถยนต์มือสอง สินเชื่อคุ้มครองการถูกเลิกจ้างงานที่จะเปิดตัวในปลายปีหน้า สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และสินเชื่อค้าปลีก
นอกจากนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารทิสโก้ และธนาคารเกียรตินาคิน ในการเป็นพันธมิตรทำแบงก์แอสชัวรันซ์เพิ่ม