ทีเอ็มบีเดินหน้ารุกธุรกิจต่อ หลังกำไรก่อนหักสำรองทะลุหมื่นล้านบาท ชูแนวคิด Branded Customer Experience เพื่อความเป็นเลิศทางธุรกรรมทางการเงิน ตั้งเป้าสินเชื่อรวมเติบโต 10-15% NIM เป็น 2.7% และ NPL ที่ 3%
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2556 นี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตที่ระดับ 10-15% จากปี 55 ที่เติบโต 17% ซึ่งเป็นการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี 40% ธุรกิจรายใหญ่ 10-15% และสินเชื่อรายย่อย 30-40% แต่สูงกว่าระบบที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ขณะที่เงินฝากจะเติบโตประมาณ 10-12% จากระบบที่คาดว่าจะเติบโต 5%
รวมทั้งธนาคารยังตั้งเป้าลดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงเหลือประมาณ 3% จาก 3.75% ในสิ้นปี 55 ซึ่งมั่นใจว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ โดยแนวทางก็จะพิจารณาทั้งขายออกไป และบริหารจัดการเองแล้วแต่ความเหมาะสม ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะดีกว่าปี 55 ที่อยู่ 2.7% จากปีนี้ที่อยู่ในระดับ 2.4% เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ โดยเฉพาะด้านเงินฝากที่เดินมาถูกทางแล้ว
แจงตั้งสำรองพิเศษปิดความเสี่ยง NPL
ด้านกำไรสุทธิก็เช่นกัน คาดว่าจะเติบโตได้ในดีต่อเนื่อง จากปี 55 ที่มีกำไรหลักก่อนหักสำรองสูงทะลุหมื่นล้านบาท แต่เนื่องจากมีการตั้งสำรองพิเศษสูงถึง 5.2 พันล้านบาท เพื่อให้สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อคุณภาพอยู่ที่ 113% ทำให้กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนหน้า แต่ในปีนี้ธนาคารไม่มีภาระสำรองพิเศษแล้ว โดยธนาคารได้ตั้งเป้าเพิ่ม ROE สูงกระโดดมาที่ 10-11% จาก 2% ในปี 55
“เมื่อปีที่แล้วเราตั้งสำรองพิเศษไปเยอะมาก 5 พันกว่าล้าน ครอบคลุมจำนวนหนี้เสียไปเลย ทำให้มียอดกันสำรองรวมถึง 8 พันกว่าล้าน อันนี้จะรวมถึงกันสำรองเตรียมพร้อมสำหรับบาเซิล 3 ด้วย เพราะในปีหน้าเราจะต้องกันสำรองพิเศษอีกแล้ว กำไรสุทธิก็เติบโตได้ในระดับสูง”
นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ธนาคารจะดำเนินกลยุทธ์ Branded Customer Experience โดยจะเน้นพัฒนาคุณภาพการบริการให้เป็นเลิศ ซึ่งก็จะต้องมีการเพิ่มศักยภาพของพนักงานไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ และให้สิทธิประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า เพื่อความเป็นเลิศทางธุรกรรมทางการเงิน (Trad Finance)
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนาจนมีรากฐานที่แข็งแกร่ง ในช่วงต่อไปก็พร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต ด้านผลิตภัณฑ์อะไรต่างๆ เราถือว่าพัฒนาไปมากแล้ว ตอนนี้ก็จะมาถึงเรื่องหลังบ้านบ้าง ก็จะเน้นไปที่การขจัดปัญหายุ่งยากในการทำธุรกิจ และช่วยให้ลูกค้าเชื่อมโยงเครือข่ายสังคม และธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ทั้งนี้ ทีเอ็มบีรายงานผลประกอบการปี 55 กำไรสุทธิเท่ากับ 1.61 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0369 บาท ลดลงจากปี 54 ที่กำไร 4.01 พันล้านบาท
เผยกลยุทธ์รุกรายใหญ่-ย่อย-SME
ด้านนายเบอร์นาร์ด คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี กล่าวว่า การดำเนินงานของธุรกิจรายย่อยในปีนี้ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าที่ active 15% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7% โดยการเพิ่มจำนวนลูกค้าบัญชีชุดเพื่อใช้ ทั้ง No Free, Free Flow, No Limit รวมถึงการเพิ่มจำนวยลูกค้าบัญชีเพื่อออม (No Fixed) 30% เพิ่ม Share of Wallet ของลูกค้า active อีก 8% ผ่านการขายผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้า
ขณะที่นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอีและซัปพลายเชน ทีเอ็มบี กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตที่ระดับ 35-40% มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 7% และรายได้เพิ่มขึ้น 47% โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากปีก่อนอีก 2 ผลิตภัณฑ์หลัก ทั้ง One bank One pay และ One Bank One theasury เพื่อเพิ่มโซลูชันเต็มรูปแบบเพื่อการชำระเงิน และบริหารสภาพคล่อง นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มศูนย์ลูกค้าธุรกิจอีก 14 แห่ง เพิ่มเคาน์เตอร์บริการลูกค้า 465 สาขาด้วย
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 15% ในปี 60 จากสิ้นปี 55 อยู่ที่ 8% และตั้งเป้ารายได้รวมขยายตัวต่อเนื่อง 20-30% ต่อปี มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าธุรกิจ และบรรษัทธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนลูกค้าธุรกิจ และบรรษัทธุรกิจขึ้นเป็น 76% ในปี 60 ด้วยกลยุทธ์ 2 ด้าน คือ กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เจาะตลาดผ่านลูกค้าที่มีธุรกิจขนาดเล็กแต่มีความถี่สูงเพื่อเชื่อมโยงฐานลูกค้ามายังลูกค้าที่มีธุรกรรมขนาดใหญ่ และกลยุทธ์เครือข่ายธุรกิจ (Supply Chain Sponsor)