xs
xsm
sm
md
lg

ทีเอ็มบีปลื้มผลงานปี 55 แกร่ง ตั้งสำรองเพิ่มกว่า 5 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทีเอ็มบี” ทำกำไรจากการดำเนินงานหลักปี 2555 เพิ่มขึ้น 36.8% เป็น 10,445 ล้านบาท ธนาคารได้ปิดความเสี่ยงสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีมาแต่ดั้งเดิม (remaining legacy NPL) โดยขาย NPL จำนวน 5,676 ล้านบาท และตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมอีก 5,286 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เป็น 113%

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองสูงสุดในประวัติการดำเนินงานของธนาคาร อันเป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 17% โดยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิโตขึ้น 20% รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 25% และการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโตขึ้นเพียง 5%

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 ธนาคารมีสินเชื่อคุณภาพ (Performing loans) เพิ่มขึ้น 17% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเป็นผลจากการขยายตัวของทั้งสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้าขนาดใหญ่ ส่วนในด้านเงินฝาก ปริมาณเงินรับฝากของธนาคารเพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มของเงินฝากลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากไม่ประจำ (No Fixed Account) ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “ทีเอ็มบี วันแบงก์ วันแอคเค้าท์” และ “ทีเอ็มบี วันแบงก์ วันเดย์” ที่มุ่งตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าธุรกิจ ช่วยขจัดปัญหาความไม่สะดวกรำคาญใจ และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการทำธุรกรรมกับทีเอ็มบีมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยได้รับจากสถาบันการเงินอื่นมาก่อน ทำให้ธนาคารยังคงดำรงสภาพคล่องไว้ในระดับที่ดี โดยมีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วเงินฝาก (Loan to Deposit & BE Ratio) ที่ระดับ 92% ณ วันสิ้นงวด

นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของปี 2555 จึงเพิ่มความแข็งแกร่งของธนาคาร ด้วยการปิดความเสี่ยงสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีมาแต่เดิม (remaining legacy NPL) โดยการขาย NPL เดิมออกไปเป็น จำนวน 5,676 ล้านบาท ทำให้สัดส่วน NPL ของธนาคารลดลงเหลือ 3.75% จากเดิม 5.24% และสัดส่วน NPL ของงบการเงินธนาคาร และบริษัทย่อยลดลงเหลือ 4.10% จาก 5.67% ในปีก่อนหน้า และจัดตั้งสำรองพิเศษเพิ่มอีกจำนวน 5,286 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) เพิ่มขึ้นเป็น 118% สำหรับงบเฉพาะธนาคาร และ 113% สำหรับธนาคาร และบริษัทย่อย

ทั้งนี้ ธนาคาร และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,605 ล้านบาท และมีฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่งชั้นแนวหน้าในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ด้วยระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio-CAR) ที่ 18.2% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.1%

นายบุญทักษ์ กล่าวด้วยว่า “ด้วยผลการดำเนินงานที่ดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งนี้ ธนาคารจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อมุ่งเน้นในการมอบประโยชน์ สร้างคุณค่า และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการธุรกรรมทางการเงินของธนาคารได้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น