เลขาธิการ ก.ล.ต. มองตลาดทุนไทยปี 56 ดีต่อเนื่องจากทุนไหลเข้า พร้อมวาง 4 กลยุทธ์ดำเนินงาน เพื่อให้ทุกภาคส่วนธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มองแนวโน้มตลาดทุนไทยในปี 56 ยังดีต่อเนื่องเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนยังคงไหลเข้าต่อเนื่องในเอเชีย ที่ยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ เช่น ตลาดหุ้นจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ซึ่งทั้งหมดกำลังฟื้นตัว ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เช่น ไทย พม่า เป็นต้น ขณะที่ตลาดหุ้นโลกมีปัจจัยลบจากยุโรป และสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง และต้องเผิชิญอีก 3 หน้าผาทางการเงิน ซึ่งต้องเสร็จสิ้นภายใน มี.ค.56 หากผ่านไปได้ก็จะเห็นการฟื้นตัว
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนในเอเชียโดยเฉพาะไทย ก็ยังเป็นแหล่งระดมทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจังหวัดหัวเมืองจะเจริญมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของภุมิภาค และ AEC ที่จะเปิดในปี 58
“จ่าฝูงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต่อจากนี้จะเป็นเอเชีย โดยจีนจะเป็นตัวนำ ที่จะทำให้เศรษฐกิจเอเชียโตขึ้น และไทยก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัว”เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
สำหรับแผนงานปี 56 ก.ล.ต.ยังคงอยากเห็นตลาดทุนไทยเป็นแหล่งในการสร้างโอกาสทุกกิจการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และสร้างโอกาสผู้มีทุนคือ ประชาชนทั่วไป เข้าถึงแหล่งที่มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ก.ล.ต. กำหนดแผนกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2556 จำนวน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การยื่นมือไปยังภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้กิจการและประชาชนใช้ประโยชน์จากตลาดทุนมากขึ้น 2) การวางรากฐานสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 3) การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการกำกับดูแล และ 4) การใช้โอกาสจากการเติบโตของประเทศในเอเชียที่มีการเติบโตสูงโดยมีเป้าหมายให้ตลาดทุนไทยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ต้องการทุน และผู้ลงทุนทุกประเภท เอื้ออำนวยให้เกิดการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายวรพล กล่าวว่า การยื่นมือไปยังภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้กิจการ และประชาชนใช้ประโยชน์จากตลาดทุนมากขึ้น มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถการบริหารจัดการเงิน และการเข้าถึงตลาดทุนของผู้ลงทุนรายย่อย และประชาชนทั่วไป รวมถึงภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน และพึ่งพาตนเองได้ โดยใช้ช่องทางการเข้าถึงในหลายรูปแบบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โครงการนำร่องที่จัดทำขึ้น ได้แก่
1) โครงการสนับสนุนให้เกิดการบริการแนะนำการจัดสรรการลงทุนสำหรับประชาชนทั่วไป (wealth management for the mass) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดสรรเงินลงทุน และสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ของการลงทุนของตน เพื่อให้มีทรัพย์สินเพียงพอต่อการใช้จ่ายในระยาว โดยการดำเนินการผ่านทั้งช่องทางจัดจำหน่ายเดิม และส่งเสริมให้ตัวกลางอื่นมีโอกาสเข้ามาดำเนินธุรกิจ โดยจะเปิดให้มีใบอนุญาตประเภทใหม่ที่ให้บริการซูเปอร์มาร์เกตเพื่อการลงทุน (investment supermarket) เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึง และเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้อย่างสะดวก และทั่วถึงยิ่งขึ้น
2) การส่งเสริมการระดมทุนของธุรกิจเอสเอ็มอี และกิจการกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับตลาดทุน และใช้เป็นช่องทางหนึ่งในการระดมเงินทุน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปิดเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งเป็นการพัฒนาช่องทางโดยจัดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ กิจการที่ต้องการเงินทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้สอบบัญชีที่ช่วยเตรียมความพร้อม และผู้ลงทุน (ซึ่งรวมถึงธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ venture capital) ได้มีโอกาสพบปะกันผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เช่น เวทีพบปะสนทนา การสัมมนา การอบรม การสื่อสารผ่านเว็บไซต์ หรือโซเชียล เน็ตเวิร์ก เป็นต้น ทั้งนี้ การส่งเสริมการระดมทุนนี้ยังเป็นการต่อยอดจากโครงการที่ ก.ล.ต. ได้ริเริ่มมาในปี 2555 เช่น โครงการหุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด ซึ่งเน้นกิจการในต่างจังหวัด
ส่วนเรื่องการวางรากฐานสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับทั้งการพัฒนากิจการในตลาดทุน พัฒนาผู้ลงทุน และสร้างกลไกให้เกิด market discipline และยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย โดยโครงการที่จัดทำ ได้แก่ การจัดทำ “แผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นแผนแม่บทสำหรับพัฒนากิจการในตลาดทุนให้มีคุณภาพตามแนวคิดสากลเกี่ยวกับการเป็นบริษัทที่ดี ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล รวมทั้งการต่อต้านคอร์รัปชัน โดยกำหนดมาตรฐาน และเสนอมาตรการที่ช่วยพัฒนากิจการ พัฒนาผู้ลงทุน และสร้างกลไกให้เกิดวินัยจากธุรกิจเอง (self discipline) และวินัยตลาด (market discipline) เพื่อเสริมกฎเกณฑ์จากทางการ รวมทั้งสนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมบรรษัทภิบาลให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อเกื้อหนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย
และการเพิ่มความคล่องตัว และความยืดหยุ่นของระบบการกำกับดูแล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจในตลาดทุนสามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถยกระดับการพัฒนา และศักยภาพในการแข่งขันได้เพิ่มขึ้น โดยคำนึงถึงระดับ และความเร็วที่เหมาะสม เพื่อให้ทางการสามารถจัดการกับความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างฉับไว โดยโครงการริเริ่มที่จัดทำขึ้น ได้แก่ การจัดทำเกณฑ์กลางรองรับการออก และเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ โดยจะแยกเกณฑ์ตามระดับความเสี่ยง และความซับซ้อน เพื่อส่งเสริมให้เสนอขายสินค้าได้ทันต่อความต้องการ และเกิดนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลาย
รวมทั้งการสร้างโอกาสจากการเติบโตของประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีเป้าหมายเพื่อเข้าไปมีบทบาทสนับสนุนการพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง พร้อมไปกับส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยขยายโอกาสทางธุรกิจจากกลุ่มประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมในการลงทุนระหว่างกัน และมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก
นายวรพล กล่าวว่า โครงการนำร่องที่จัดทำขึ้น ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (networking and continued capacity building for Greater Mekong Subregion (GMS)) โดยประสานความร่วมมือในการยกระดับความสามารถ ตลอดจนการลงนามบันทึกความเข้าใจ และมีเวทีหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อสามารถพัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
และการสร้างเครื่องมือระดมทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มประเทศ GMS และการขยายโอกาสของกองทุนรวมไทยจากการเติบโตของกลุ่มประเทศ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานใน GMS พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. จะเปิดโอกาสให้กองทุนรวมไทยสามารถลงทุนใน GMS ได้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของกลุ่มประเทศดังกล่าว