บล.กสิกรไทย คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้ถึงกลางเดือน ก.พ.พักฐาน รอผลการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ แต่เชื่อปรับตัวลดลงไม่แรง แนะเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง พร้อมคาดไตรมาส 2 ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งแตะ 1.5 พันจุด เหตุเจรจาขยายเพดานหนี้สำเร็จ-หุ้นพลังงานกลับมาโดดเด่น
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการสายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะมีการทรงตัว และอาจปรับตัวลดลงได้ เนื่องจากมีปัจจัยลบกดดันในเรื่องการเจรจากขอขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ปัจจุบันที่ชนเพดานที่ 16.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีปัจจัยเรื่องหนี้ของสเปน ที่จะครบชำระเปีนี้ 1.48 แสนล้านยูโร แต่เชื่อว่าการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นจะมีการปรับตัวลดลงไม่แรง อยู่ที่ระดับ 1,400 จุด หรือปรับตัวลดลงได้อีกเล็กน้อย แต่จะไม่ลงถึงระดับ 1,300 จุด เพราะจากที่เม็ดเงินจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐฯ (QE) และจากการที่ผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ระดับต่ำทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยให้ความสนใจลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว เช่น หุ้นที่จ่ายปันผลสูงในระดับ 7% ประกอบด้วย โดยบริษัทแนะนำลงทุนหุ้น บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH หุ้นที่มีผลประกอบการปีนี้โดดเด่น คือ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG และหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบด้วย บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJ และบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/56 คาดว่าจะมีการเจรจาเรื่องขยายเพดานหนี้จบแล้วคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1,500 จุดได้โดยหุ้นส่วนกลุ่มพลังงานจะเริ่มกลับมาโดดเด่นในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ หลังจากที่การเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ เสร็จสิ้นแล้ว และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่ถือว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นต้น และหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3/56 นั้น ดัชนีอาจมีการปรับตัวลดลงได้จากปัจจัยเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้น ได้ เพราะจากเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศที่จะไหลเข้ามา ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ
ด้านตลาดหุ้นไทย วันนี้ (8 ม.ค.) หุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,417.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด หรือ 0.14% มูลค่าการซื้อขาย 42,897.43 ล้านบาท ภาพรวมดัชนีค่อนข้างผันผวนเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบคล้ายตลาดภูมิภาค เหตุยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน ทำให้เชื่อว่าวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ดัชนีจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน เหตุมองทิศทาง Fund Flow ยังไม่ชัด แม้จะซื้อหุ้นเข้ามาเยอะ แต่ก็ทำ Short ที่ตลาดอนุพันธ์ด้วย โดยให้แนวรับ 1,410-1,415 แนวต้าน 1,420-1,425 จุด