xs
xsm
sm
md
lg

จับตาหุ้นสื่อสารกลาง-เล็ก แบ่งเค้กงบลงทุน 3G บริษัทใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิเคราะห์เชื่อบริษัทในกลุ่มสื่อสารขนาดกลาง-เล็ก เตรียมรับอานิสงส์เม็ดเงินลงทุนโครงการ 3G กว่าแสนล้านของ 3 ค่ายมือถือยักษ์และงบลงทุนของ  “ทีโอที” คาด JTS, LOXLEY, SYMC, ILINK โดดเด่น ส่วน DTAC-AVANC-INTUCH ยังน่าลงทุน ขณะที่ TRUE ยังเป็นไปในรูปเก็งกำไร

ตลอดปี 2555 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าสำหรับระบบโทรศัพท์มือ 3G คลื่น 2.1 GHz มีออกมาเป็นระยะๆ ทั้งในด้านบวก และด้านลบต่อการดำเนินธุรกิจ และประโยชน์ของประชาชน แต่ดูเหมือนในช่วงปลายปี ข่าวความคืบหน้าโดยเฉพาะการเดินหน้าออกใบอนุญาตของ กสทช.เริ่มมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง หลังจากล่าช้ามานาน ….!

    สำหรับในด้านการลงทุนต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำเข้าลงทุนจากบรรดาโบรกเกอร์ต่างๆ มาโดยตลอด โดยมีเหตุผลหลักๆ มาจากกำไรสุทธิที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะมีการแบ่งเก็บไว้เป็นกำไรสะสม เพื่อรอใช้เป็นเงินลงทุนรับคลื่นใหม่ แต่การจ่ายเงินปันผลสุทธิแต่ละครั้งของหุ้นในกลุ่มนี้ก็ยังอยู่ในระดัยที่สูง จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ่งที่เคยล่าช้ามานานเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ราคาหุ้นในกลุ่มมือถือต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้ว ตามข่าวสารที่ปรากฏออกมา ….แต่ต่อจากนี้ หรือในปี 2556 นี้ หุ้นในกลุ่มสื่อสารยังมีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด เมื่อทุกบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในระบบคลื่นความถี่ใหม่ รายได้ กำไรสุทธิ และเงินปันผลจะยังอยู่ในระดับสูงเช่นเดิมหรือไม่ ...นั่นคือสิ่งที่นักลงทุนควรติดตาม

    สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (MBKT)  กล่าวว่า ในปี 2556 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ยังให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มสื่อสาร อันเนื่องจากปริมาณการบริการที่อยู่ในระดับสูง และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลในด้านบวกต่อผลดำเนินงานของบริษัท รวมทั้งอัตราการปันผล ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสนใจกับหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีขนาดกลาง-เล็กเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ เพราะเมื่อผู้ประกอบการายใหญ่ได้รับใบอนุญาต การลงทุนย่อมเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว จากการติดตามข่าวของผู้ได้รับใบอนุญาตทั้ง 3 ราย พบว่า มีวงเงินลงทุนรวมกันสูงถึงประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินก้อนนี้จะส่งผลดีและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในกลุ่มสื่อสารขนาดกลาง-เล็ก ในเรื่องการเข้ารับงานของผู้ประกอบการ ผ่านการวางระบบต่างๆ การวางโครงข่ายของผู้ให้บริการ การจัดหาวัสดุเพื่อดำเนินงาน ฯลฯ ตลอดช่วง 2-3 ปีจากนี้

    “กลุ่มบริษัทขนาดกลาง-เล็ก จะเริ่มได้รับอานิสงส์ของคลื่น 3G ในปีนี้ เมื่อผู้ให้บริการได้รับใบอนุญาต การลงทุนก็จะเกิดขึ้น เม็ดเงินรวมกันตอนนี้มีถึงแสนล้านบาท ก็จะแบ่งออกเป็นงวดๆ เพื่อทยอยลงทุน บริษัทขนาดกลาง-เล็กที่เกี่ยวข้องกับงานวางระบบ งานวางโครงการข่าย การติดตั้ง หรือการจัดหาวัตถุดิบจะได้รับอานิสงส์ในจุดนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ และกำไรสุทธิของบริษัทเหล่านี้ดีขึ้น  เรามองไปที่ MFEC, ILINK, INET, LOXLEY, AIT, SYMC และ JTS ที่น่าจะมีโอกาสเข้ารับงานดังกล่าว”สุกิจให้ความเห็น

    ด้าน นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปีหน้ายังมี Upside เพราะมองว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะโต 15% โดยในช่วงกลางปีให้ความสนใจไปที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร เพราะคาดจะประสบความสำเร็จในเรื่อง 3G เช่น บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) DTAC บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) INTUCH และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC

    ขณะที่ สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า  สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนปี 2556 พบว่า กลุ่มธุรกิจที่คาดจะมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปี 2556 สูงสุด 3 อันดับแรกคือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดกำไรต่อหุ้นจะเติบโตเฉลี่ย 32.17% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์โต 18.44% และกลุ่มธนาคารคาดกำไรต่อหุ้นจะเติบโต 18.37% ส่วนปี 2557 ประเมินกลุ่มอาหารจะมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงสุด ที่ 17.24% กลุ่มสื่อสาร 15.98% และกลุ่มวัสดุก่อสร้างโต 15.44%

    ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งต่างทยอยนำเสนอบทวิเคราะห์ที่มีต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสารออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถสรุปได้โดยสังเขป ดังนี้ …. ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินแนวโน้มธุรกิจของ DTAC ว่า การที่บริษัทเชื่อว่าจะมีรายได้ปี 56 โตแต่เป็นตัวเลขหลักเดียว พร้อมทุ่มงบลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาทลง 3G ให้ครอบคลุม 50% ภายในปี2556 เร็วกว่า กสทช.กำหนด 50% ใน 2 ปี และ 80% ในปีที่ 3  ทีมกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์เห็นว่าเป็นบวก เพราะหัวใจของการแย่งชิงลูกค้า 3G ใหม่ในปี 2556 คือ ความรวดเร็วในการเริ่มให้บริการ และบริการที่มีคุณภาพ ลูกค้าจึงจะย้ายจากสัมปทานเดิม มาสู่ใบอนุญาต 3G ใหม่ รวมถึงการแย่งชิงลูกค้ามาจากคู่แข่งด้วย ขณะที่ DTAC มีความได้เปรียบในเรื่องการอัปเกรดสถานีใหม่ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าจะย้ายลูกค้ามาได้ 50% และครบหมดใน 4 ปี แต่หากมีโปรโมชันดึงดูดใจก็ย้ายหมดได้เร็วขึ้นในปี 2557 จึงเห็นว่าหาก DTAC ทำการย้ายได้เร็วก็จะส่งผลดีอีก คือ ค่าใช้จ่ายใบอนุญาต 3G ใหม่นั้นต่ำกว่าส่วนแบ่งรายได้สัมปทาน (revenue sharing) ในปัจจุบัน

    ดังนั้น  คงคำแนะนำ ซื้อ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ให้ราคาพื้นฐาน 120 บาท (ประเมินด้วยวิธี DCF) ซึ่งมี Upside จากราคาปิด 36% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 55-56 ไว้ที่ 5.5% และ 5.9% ตามลำดับ (โดยมีสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิ) ส่วนใบอนุญาต 3G ใหม่ช่วยหนุนการเติบโตในปี 2557 เป็นต้นไป แม้ว่าโครงการ 3G จะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น และทำให้การเติบโตของผลประกอบการปี 2556 ไม่ถึงกับมาก คือ 7%

สำหรับADVANC และบริษัทแม่INTUCH ล่าสุด บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทำบทวิเคราะห์โดยสรุปไว้ว่า ให้คำแนะนำ   “ซื้อ” โดย INTUCH มีแผนจะลงทุนในธุรกิจดิจิตอล ทีวี  ตามร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ และร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) ซึ่งคาดว่าจะเกิดฟรีทีวีได้ 50 ช่อง และคาดว่าจะประมูลได้ 3 ช่อง ดังนั้น หากรวมกับธุรกิจบริษัทลูกแห่งอื่น ก็เชื่อว่า ในปี 2556 INTUCH จะมีโอกาสที่กำไรสุทธิจะเติบโต 19.4% เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2555 ที่คาดกำไรสุทธิไว้ที่ 14 ,312.25 ล้านบาท

    ด้วยเหตุผลที่ว่า ได้รับรู้กำไรสุทธิจากการลงทุนใน  ADVANC ที่รายได้ Non-Voice เติบโตในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ทีผ่านมา ก็ได้รับใบอนุญาต 3G บนคลื่น 2.1GHz จาก กสทช. ซึ่งก็จะเร่งการลงทุนเพื่อขยายการให้บริการ Non-Voice ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากปัจจุบันช่วง 9 เดือนแรกปี 2555 มียอดผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 35.234 ล้านราย มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 44.45% ทำให้ทางฝ่ายคาดกำไรสุทธิของ ADVANC จะโตขึ้น 13.3% เป็น 39,528 ล้านบาท จากสิ้นปี 2555 ที่คาดไว้ที่ 34,900 ล้านบาท

    ขณะที่ THCOM  การเติบโตของธุรกิจดาวเทียม (ไทยคม 5 และไอพีสตาร์) ยังเติบโตได้ดีประมาณ 11.65 % เป็น 4,649 ล้านบาท ในขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,747 ล้านบาท โตขึ้น 38.87 % อีกทั้งมีโอกาสสร้างความก้าวกระโดดของกำไรสุทธิ เพราะคาดว่าจะทำการขายหุ้น MFONE ได้แล้วเสร็จในสิ้นปี 2555 นี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องแบกภาระขาดทุนอีกต่อไป

    เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินว่า หุ้น INTUCH เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุนในหุ้น 3G เนื่องจากราคาหุ้นของ ADVANC ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างจะเต็มมูลค่าแล้วสำหรับประเด็นการลงทุนในเรื่องใบอนุญาต 3G โดยถือเป็นการลงทุนทางอ้อมที่ทางหนึ่ง

ด้านฝั่ง TRUE นั้น  ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคินออกบทวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ว่า แนะนำซื้อเก็งกำไร มูลค่าเหมาะสม 5.80 บาท โดยเชื่อว่าการแก้ไขสัญญากับ “กสท” น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี และไม่น่ากังวลในเรื่องการตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามากเท่าใด  

    เบื้องต้น ประเมินว่า TRUE จะมีมูลค่าเพิ่มจากการประหยัดต้นทุนค่าคลื่นต่ำกว่าสมมติฐานราว 1.40 บาท จากมูลค่าเหมาะสม 5.80 บาท แต่ยังต้องติดตามรายละเอียดแผนลงทุนบนใบอนุญาตใหม่ และทิศทางธุรกิจโทรศัพท์มือถือของกลุ่ม TRUE ที่ชัดเจนอีกครั้ง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

   ส่วนฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ธนชาต แนะนำขาย TRUE โดยวิเคราะห์ว่า โครงสร้างต้นทุนของ 3G ที่ลดลงยังคงไม่เพียงพอปลดล็อก TRUE ออกจากปัญหาหนี้สินที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่ธุรกิจเพย์ทีวีต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ทำให้คาดว่าTRUE จะไม่เข้าสู่จุดคุ้มทุนจนกว่า 2015

ขณะที่หุ้นในกลุ่มสื่อสาร ขนาดกลาง-เล็ก  นักวิเคราะห์หลายรายเห็นตรงกันว่า JTS จะเป็นหุ้นเด่นในปี 2556เพราะภายหลังจากการเกิด 3G ส่งผลให้ JTS มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการเข้าประมูล เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของ JTS เป็นฐานลูกค้าที่มีความเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับ 3G อยู่แล้ว โดยปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้ JTS ได้งานเซ็นสัญญาณเข้ามาเพิ่มเติม และเข้าประมูลงานใหม่ๆ เป็นมูลค่าค่อนข้างสูง ประกอบกับการที่ผู้บริหารให้ความเห็นว่าได้เดินหน้าแผนเป็นผู้ให้บริการที่ไม่มีโครงข่าย (MVMO) โดยคาดว่าน่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/2556 หรือต้นไตรมาส 2/2556 ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการปี 2556

ทั้งนี้ ในภาพรวมแล้ว .. คงหนีไม่พ้นที่ต้องยอมรับว่า การมีหุ้นสื่อสารเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับหนึ่ง ...แต่การจะเลือกลงทุนในหุ้นสื่อสารตัวไหน เป็นสิ่งที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมมากขึ้น ...เพราะสิ่งสำคัญหลังการได้มาซึ่งใบอนุญาต 3G นั่นคือ การลงทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งย่อมส่งกระทบต่อการดำเนินงานในด้านแหล่งเงินทุน หรือกระแสเงินสดของแต่ละบริษัทไม่มากก็น้อย ดังนั้น การจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงเหมือนดังเช่นที่ผ่านมาอาจไม่เกิดขึ้น...ขณะที่หุ้นขนาดกลาง ผู้รับหน้าที่รับเหมาวางระบบ หรือโครงข่ายก็ได้รับความสนใจ และการแนะนำจากบริษัทหลักทรัพย์มากขึ้น บางตัวราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปรับข่าวดังกล่าวก่อนบ้างแล้ว แต่บางตัวก็ยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ถ้าช้าไปก็อาจจะอด..ถ้าเร็วไปก็อาจจะเสี่ยง นับเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรพึงระมัดระวัง
กำลังโหลดความคิดเห็น