“กิตติรัตน์” ชี้ สหรัฐฯ ประกาศใช้ QE4 ไม่กระทบ ศก.ไทย เพราะในปีหน้าไทยจะพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก โดยกระตุ้นการใช้จ่าย และลดพึ่งพาการส่งออก มั่นใจช่วยดัน ศก.ปีหน้าโได้สูงกว่า 5% แน่นอน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติออกมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE4) โดยมองว่า เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกคาดการณ์ได้ว่า เฟดจะมีมาตรการดังกล่าวเข้ามาดูแลนโยบายการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ค่าเงินสกุลยูโรแข็งค่าจนเกินไป ที่แข็งค่าขึ้นมากอยู่แล้ว
นายกิตติรัตน์ กล่าวย้ำเสริมว่า แผนในปีหน้าประเทศไทยจะลดการพึ่งพาการส่งออก และหันมาพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศ จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการออก QE4 อย่างแน่นอน โดยอัตราการขยายตัวของประเทศไทยในปีนี้ และปีหน้าคาดว่าจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5
“ขณะนี้ประเทศในแถบเอเชียเริ่มปรับตัวกับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้งที่ผ่านมา จึงดำเนินนโยบายการเงินการคลังอย่างเข้มงวด ขณะที่ไทยหันมาดูแลเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น ทดแทนการพึ่งพาการส่งออก ทั้งเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ การลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐผ่านโครงการลงทุนเกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้ขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 5 ได้แน่นอน”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังเป็นประธานเปิดการประชุมประจำปีนายทะเบียนประกันภัยอาเซียน ครั้งที่ 15 ซึ่งจะมีการผลักดันการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับอาเซียน เพราะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประชาชนต้องเดินทางผ่านไป-มาระหว่างกันมากขึ้น จึงต้องร่วมมือกันทั้งหน่วยงานกำกับดูแล และภาคเอกชนในการผลักดันเรื่องดังกล่าว
ด้านนายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวต้องนำหลักเกณฑ์ของทุกประเทศมาดูร่วมกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้ธุรกิจประกันภัยสามารถขับเคลื่อนได้ ทั้งการกำกับดูแล การออกใบอนุญาต และเป็นการคุ้มครองผู้ประสบภัยของอาเซียน และจะได้เห็นการขายประกันภัยข้ามประเทศ จากเดิมขายเฉพาะในประเทศ โดยบริษัทเอกชนจะต้องร่วมมือสร้างพันธมิตรให้มากขึ้น
