สภาธุรกิจตลาดทุนฯ เปิดแผนปี 56 เดินหน้าให้ความรู้ทางการเงิน และเป็นตัวเชื่อมภาครัฐ-เอกชน เตรียมจุดประเด็นแปรรูป รสก. เข้าตลาดหุ้น ต้องชัดเจนว่าประเทศจะได้ หรือเสียประโยชน์อะไรกันบ้าง แต่คาดว่าจะขยายขนาดตลาดให้ใหญ่ขึ้น และเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนฯ มีแนวคิดที่จะจุดประเด็นเรื่องการแปรรูปรัฐวิสหกิจ (รสก.) ซึ่งเป็นประเด็นที่เปราะบาง แต่ถึงเวลาต้องมาพิจารณาแล้วว่า การผลักดันให้รัฐวิสาหกิจแปรรูปโดยการระดมทุนผ่านตลาดทุนนั้น ประเทศจะได้ หรือเสียประโยชน์อะไรกันบ้าง
ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนฯ จะพยายามผลักดันให้มีความคืบหน้าในปีหน้า และหากสามารถให้รัฐวิสาหกิจระดมทุนได้ ก็จะทำให้ขยายขนาดของตลาดทุนให้ใหญ่ขึ้น และนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ มีแนวคิดที่จะเสนอให้แนวคิดเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะเริ่มต้นที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยก่อน เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) บางแห่ง ยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ดังนั้น สภาธุรกิจตลาดทุนฯ มีแนวคิดอยากให้กลับมาทบทวนเรื่องดังกล่าวควรจะมีการแก้ไขอย่างจริงจัง
โดยในปีที่ผ่านมา สภาธุรกิจตลาดทุนฯ เป็นองค์กรทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งพยายามจะเป็นตัวกลางนำข้อเสนอจากภาคเอกชนไปถึงภาครัฐ 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่สภาฯ มีบทบาทในสังคมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการนำสภาฯ เข้าไปร่วมในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กรอ.) ถือว่าเป็นที่ยอมรับมากขึ้น รวมถึงการโปรโมตตลาดทุนไทย และที่ผ่านมา สภาฯ ได้ร่วมกับรัฐบาลไทย โดยการเดินทางไปโรดโชว์ โดยปี 2555 ประมาณ 7-8 ครั้ง และจะทำต่อเนื่อง ซึ่งคาดปีหน้าก็น่าจะเดินทางในระดับที่ใกล้เคียงกัน
หลังจากนี้ไป สภาธุรกิจตลาดทุนฯ จะทำเรื่องการให้ความรู้ด้านการเงิน และแผนงานต่อเนื่อง โดยต้องการให้มีแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมออกมา จะทำอย่างไรให้มีแนวทางความชัดเจน ส่วนการให้ความรู้ด้านการเงินมากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลัง ก็รับสานต่อโดยตอนนี้มีการตั้งให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะกรรมการในการให้ความรู้ด้านการเงิน อยากทำให้เป็นรูปธรรม และมีตัวชี้วัดอย่างชัดเจน และต้องให้ตลาดทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะได้เป็นที่ต้องการเป็นเป้าหมายของการเข้ามาลงทุนของกลุ่มนานาชาติ