โดยกลุ่มกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2556 จะยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน จากความกังวลต่างๆ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจาก การปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐของประเทศสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และทิศทางเศรษฐกิจของยุโรปที่ชะลอตัวลง แต่การลงทุนใน “หุ้น” ยังคงอยู่ในความสนใจของผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยในเดือน พ.ย. นี้ นักวิเคราะห์จากหลายสำนักยังคาดการณ์ว่า SET Index อาจมีการปรับฐานได้เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง รวมถึงความกังวลในเรื่องข้อจำกัดการคลังในสหรัฐฯ (US fiscal cliff) โดยนักวิเคราะห์ต่าง ๆ ประเมินว่า นักลงทุนอาจมีการขายทำกำไรบางส่วนก่อนที่ดัชนีจะเคลื่อนตัวออกด้านข้าง (Sideway) ในกรอบ 1,265 - 1,320 จุด ในลักษณะสร้างฐานเพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยต่าง ๆ และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่บริษัทฯ ประเมินว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าเลือกสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม โดยประเมินระดับดัชนีที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนที่ระดับ 1,280 จุด เนื่องจาก ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปี 2555 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวอยู่ประมาณ 20% และ 15% ในปี 2556 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของการใช้จ่ายภายในประเทศ และนโยบายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 23% ในปี 2555 และเหลือ 20% ในปี 2556 ซึ่งทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ในระดับสูงกว่า 4% และแนวโน้มการลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทยอยู่ในทิศทางทีดี จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น และมีเป้าหมายการลงทุนทีชัดเจน โดยไม่เทียบกับการปรับตัวของ SET Index ขอแนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย ที่มีเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 3 (ASP-PRIME 3) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนตราสารหนี้และตราสารทุนได้ 0-100% โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย และมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 9% ใน 1 ปี โดยกองทุน ASP-PRIME 3 จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยในช่วง 6 - 12 เดือน ข้างหน้ากลุ่มธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสนใจให้น้ำหนักการลงทุน คือ หุ้นกลุ่มสื่อสาร หุ้นอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการจะมีการฟื้นตัว
ทั้งนี้ กองทุน ASP-PRIME 3 จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับกระแสเงินสดใช้ระหว่างทาง ด้วยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ครั้งแรก เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนผ่าน 10.50 บาท และรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมด และเลิกกองทุน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นผ่าน 10.90 บาท หรือ เมื่อครบ 1 ปี แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน
ทั้งนี้ กองทุน ASP-PRIME 3 จะเปิดเสนอขายครั้งแรก และครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 19-28 พฤศจิกายน นี้ ผู้ลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Asset Plus Call Center เบอร์โทรศัพท์ 02-672-1111 ได้ทุกวันทำการ