รมว.คลัง ขู่ส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจ หากเบิกจ่ายล่าช้าโดนหั่นงบทิ้งแน่ พร้อมให้ชี้แจงปัญหา-อุปสรรค และต้องอธิบายเหตุผลความจำเป็นด้วย เผยเหตุจำเป็นที่ต้องลงไม้เรียว เพราะประเทศชาติจำเป็นต้องเร่งลงทุนเพื่อกระตุ้น ศก. ให้เติบโตตามเป้า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชี้แจงมาตรการเร่งรัดติดการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2556 โดยระบุว่า รัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2556 วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา ให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด คือ เบิกจ่ายงบรวม ร้อยละ 94 และงบลงทุนร้อยละ 80 เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ 2.256 ล้านล้านบาท จากเงินงบประมาณรายจ่าย 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า หากกำหนดแนวทางการเบิกจ่ายที่ชัดเจนจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายได้ โดยเฉพาะงบลงทุนที่มี 400,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปีนี้ยังมีงบลงทุนเพื่อการบริหารจัดการน้ำอีก 340,000 ล้านบาท ที่จะเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ และต้องทำสัญญาการกู้เงินตามกรอบที่กฎหมายกำหนดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 แล้วค่อยทยอยเบิกจ่ายตามงวดงานได้ จะมีเม็ดเงินเข้าระบบเฉลี่ยไตรมาสละ 30,000-40,000 ล้านบาท จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า ปีนี้จะเป็นปีปรับมาตรฐานการเบิกจ่ายงบประมาณ และจะใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณปี 2557 ด้วย โดยการกำหนดส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจเร่งก่อหนี้ผูกพันให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม หากไม่ทันตามกำหนดให้ชี้แจงปัญหาอุปสรรคพร้อมเหตุผลความจำเป็น โดยกรมบัญชีกลางจะมีทีมงานในรูปแบบคณะทำงานติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบติดตามหน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า และให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ และให้นำผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นตัวชี้วัดคำรับรองการปฏิบัติราชการปี 2556 ด้วย
นอกจากนี้ ยังไม่มีนโยบายให้กันเงินงบประมาณปี 2556 ไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน สำหรับเงินงบประมาณปีก่อนที่อนุมัติให้กันเงิน และขยายเวลาเบิกจ่ายเงินไว้แล้ว ให้เร่งดำเนินงาน และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนั้นๆ ซึ่งเมื่อทำแผนการใช้จ่ายเงิน และแผนปฏิบัติงานแล้ว ต้องติดตามประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลการปฏิบัติงานด้วย หากไม่เป็นไปตามแผนก็ให้ปรับปรุงแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในระบบ GFMIS ซึ่งสามารถปรับปรุงแผนได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555-30 มิถุนายน 2556
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า การกำหนดมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณในปีนี้อาจจะมีความเข้มงวดมากขึ้นจากเป้าหมายการเบิกจ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่มีความเชื่อมั่นว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดจะสามารถดำเนินการได้ด้วยการติดตามเร่งรัด และให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะทำให้หน่วยงานปฏิบัติงาน และเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามแผน ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และกระจายความเจริญไปทั่วทุกภูมิภาค