รองนายกฯ ด้าน ศก.เผย คกก.ต่อต้านคอร์รัปชัน ตั้งกรรมการตรวจสอบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการที่เป็นที่สนใจของ ปชช. เพื่อดูแลกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การกำหนดเงื่อนโครงการลงทุน (ทีโออาร์) การกำหนดราคากลาง และการประมูล ไปจนถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้หารือถึงแนวทางป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยมีมติที่จะตั้งกรรมการดูแลกำหนดมาตรฐานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือโครงการที่เป็นที่สนใจของประชาชน เพื่อดูแลกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่การกำหนดเงื่อนโครงการลงทุน (ทีโออาร์) การกำหนดราคากลาง และการประมูล และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
ทั้งนี้ โครงสร้างของคณะกรรมการ ประกอบด้วย อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการคนที่ 1 ต้องการให้เป็นตัวแทนจาก ป.ป.ช. และรองประธานคนที่ 2 ต้องการให้เป็นตัวแทนจากภาคเอกชน คือ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อให้เป็นแบบอย่างแนวทางการปฏิบัติของทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กองทุนเงินหมุนเวียนต่างๆ และเพื่อนำเสนอแนวทางดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเร็วๆ นี้ เพื่อให้คณะกรรมการมีผลปฏิบัติแล้ว ทุกหน่วยงานก็ควรจะยึดถือปฏิบัติ ซึ่งรวมถึงองค์กรอิสระก็ควรที่จะยึดถือแนวปฏิบัติดังกล่าวด้วย
“ก่อนหน้านี้ กรมบัญชีกลางได้ดูแลในเรื่องการกำหนดราคากลาง ให้มีกระบวนการและวิธีการที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ และได้รับความเห็นชอบจากผู้ทรงคุณวุฒิไปแล้ว และประกาศให้หน่วยงานรับไปดำเนินการ และครั้งนี้การเสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลและควบคุมกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย เพราะบางโครงการมีการพูดถึงกันตั้งแต่การจัดเงื่อนไข หรือที่เรียกว่าล็อกสเปก หากมาช่วยกันดูก็จะทำให้เกิดความสบายใจ แต่จะไม่รวมถึงการประมูล 3จี เพราะมีการประมูลไปแล้ว และเชื่อว่า มีวิธีการที่เป็นไปตามขั้นตอนก็ให้จบไป แต่การจะยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นก็เป็นเรื่องที่ควรจะดำเนินการต่อไป และน่าจะใช้กับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังจะดำเนินการในเร็วๆ นี้” นายกิตติรัตน์กล่าวสรุป