“ส.ว.ไพบูลย์” เผย กมธ.สอบโกง วุฒิสภา ทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินให้ชงศาลปกครองสอบ กทค.มีอำนาจรับรองผลประมูล 3จีหรือไม่ ชี้ฝ่าฝืนกฎหมายชัด คาดถึงมือ 29 ต.ค. ด้าน ส.ว.กทม.ชี้มีล็อกสเปกจำกัดไม่ให้รายย่อยแข่งขัน
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการทำหนังสือไปยังประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องต่อศาลปกครองว่ากรณีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) นั้น มีอำนาจที่จะรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ 3จี ได้หรือไม่ อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (2) ว่า เนื่องจากพบข้อมูลว่า กทค.ได้ใช้อำนาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 มาตรา 305 (1) และพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 รวมถึงประกาศ กสทช.ว่าด้วยการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งคาดว่าจะได้ส่งเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 29 ต.ค. ทั้งนี้ โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่าหากศาลปกครองรับเรื่องไว้พิจารณา แม้จะไม่สามารถล้มการประมูลได้ แต่อาจจะดำเนินการได้ใน 2 รูปแบบ คือ ให้ผู้ที่ได้รับการประมูลเสนอราคาประมูลมาใหม่ที่มีความเหมาะสม หรืออาจต้องวางหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ เพื่อให้มีผู้เข้ารับการประมูลมากกว่า 3 ราย คิดว่า 5 รายน่าจะมีความเหมาะสม
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ในฐานะ กมธ. กล่าวถึงการประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เชิญคณะกรรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กทค.มาชี้แจงและให้ข้อมูลการประมูล 3จี ซึ่งมีข้อสังเกตว่าในการประมูล 3จีครั้งนี้มีการประกาศก่อนการประมูลเพียง 2 เดือนเท่านั้น เชื่อว่าถ้ามีการประมูลอย่างเป็นธรรมจริงต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี การประมูลครั้งนี้จึงถือเป็นการตัดโอกาสผู้ประกอบการรายเล็กหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมีถึง 17 บริษัทที่ร่วมซื้อใบประมูล แต่สุดท้ายประมูลได้เพียง 3 ราย โดยต้องวางเงินประกัน 1,350 ล้านบาท เท่ากับเป็นการล็อกสเปกหรือจำกัดไม่ให้รายย่อยได้แข่งขันหรือไม่ เนื่องจากระยะเวลาที่สั้นทำให้ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจไม่สามารถทำแผนธุรกิจไปเสนอต่อธนาคารเพื่อกู้เงินมาร่วมประมูลได้ทันเวลา เปิดโอกาส 3 รายใหญ่มีความพร้อมเข้าประมูลมากที่สุด และขณะนี้ก็ทราบมาว่าจะมีการขึ้นราคาให้บริการ 3จี ทั้งที่ กสทช.ประกาศกฎเหล็กให้ผู้ให้บริการลดราคาค่าบริการลง 15-20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และกทค.ต้องเข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้ด้วย
