เซ็นทรัลพัฒนา ชี้ราคาหุ้น-มาร์เกตแคป-ยอดขาย ปีนี้ทำนิวไฮ หลังที่ผ่านมาถูดดิสเคานต์จากไฟไหม้ ปิดปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าว ฯลฯ แจงหุ้นถูกคำนวณใน MSCI Global ช่วยหนุนราคาหุ้นบริษัทปรับตัวดีขึ้นหลังกองทุนขนาดใหญ่เข้าซื้อ
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ราคาหุ้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) และยอดขายในปีนี้ของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่ และการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจากปีที่ผ่านมา เพราะผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น จากที่ผ่านมาที่ราคาหุ้นมีส่วนลด (ดิสเคานต์) เพราะผลกระทบไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ การเปิดปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าว ความเสี่ยงในการขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดจึงมองว่าอาจจะไม่ดี แต่พอกลับมาเปิดให้บริการนั้นผลการดำเนินงานดีกว่าเดิม ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลจึงกลับเข้ามาลงทุน
“ปีนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ราคาหุ้น มาร์เกตแคปของบริษัททำนิวไฮทุกตัว ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ดีของบริษัท และคาดว่าจะดีต่อไปในอนาคต และปี 56 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างน้อย 15% ซึ่งยังไม่รวมกับกำไรพิเศษในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์” นายนริศกล่าว
ทั้งนี้ จากการที่หุ้นของบริษัทได้ถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices เป็นครั้งแรก จะทำให้กองทุนต่างประเทศขนาดใหญ่สามารถลงทุนได้ โดยเฉพาะกองทุนจากอเมริกา ซึ่งมักจะใช้ MSCI เป็นตัวอ้างอิงในการลงทุน เมื่อมีกองทุนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนใน CPN จะผลักดันให้ราคาหุ้นบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนดังกล่าวนั้นจะถือหุ้นลงทุนระยะยาว ปัจจุบันกองทุนต่างประเทศถือหุ้นของบริษัทถึง 30% แต่ส่วนใหญ่เป็นกองทุนยุโรป ไม่ใช่กองทุนสหรัฐอเมริกา
ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ บริษัทให้ความสนใจในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้บันทึกสัญญาความร่วมมือเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับคู่ค้าในประเทศมาเลเซีย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะการเงิน (ดิวดิลิเจนต์) เพื่อจะร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาห้างสรรพสินค้าในประเทศมาเลเซีย คาดว่าต้นปีหน้าคงจะได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชะลอการลทุนในจีนไป เนื่องจากราคาที่ดินนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงมีความสนใจลักษณะลงทุนเข้าไปซื้อห้างที่สร้างยังไม่เสร็จ เพราะขณะนี้ รัฐบาลจีนห้ามให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกำหนดให้ต้องอาศัยทุนของบริษัทเองในการพัฒนา หากขาดด้านเงินทุนต้องหาทุนจากต่างชาติให้เข้าไปร่วม ขณะนี้พบว่า มีผู้ประกอบการหลายรายได้ติดต่อมายัง CPN ซึ่งบริษัทสนใจเข้าไปร่วมตามแนวทางนี้ เพราะจะทำให้ต้นทุนในการลงทุนถูกลง เพราะมีราคาส่วนลดถึง 40-50%
สำหรับมาร์เกตแคป CPN อยู่ที่ 1.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.2 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 91.39% จากปีก่อนที่ 37.75 บาทต่อหุ้น ขณะที่งวด 9 เดือนรายได้อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โต 42% กำไรสุทธิโต 155% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ราคาหุ้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) และยอดขายในปีนี้ของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่ และการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจากปีที่ผ่านมา เพราะผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น จากที่ผ่านมาที่ราคาหุ้นมีส่วนลด (ดิสเคานต์) เพราะผลกระทบไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ การเปิดปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าว ความเสี่ยงในการขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดจึงมองว่าอาจจะไม่ดี แต่พอกลับมาเปิดให้บริการนั้นผลการดำเนินงานดีกว่าเดิม ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลจึงกลับเข้ามาลงทุน
“ปีนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ราคาหุ้น มาร์เกตแคปของบริษัททำนิวไฮทุกตัว ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ดีของบริษัท และคาดว่าจะดีต่อไปในอนาคต และปี 56 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างน้อย 15% ซึ่งยังไม่รวมกับกำไรพิเศษในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์” นายนริศกล่าว
ทั้งนี้ จากการที่หุ้นของบริษัทได้ถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices เป็นครั้งแรก จะทำให้กองทุนต่างประเทศขนาดใหญ่สามารถลงทุนได้ โดยเฉพาะกองทุนจากอเมริกา ซึ่งมักจะใช้ MSCI เป็นตัวอ้างอิงในการลงทุน เมื่อมีกองทุนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนใน CPN จะผลักดันให้ราคาหุ้นบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนดังกล่าวนั้นจะถือหุ้นลงทุนระยะยาว ปัจจุบันกองทุนต่างประเทศถือหุ้นของบริษัทถึง 30% แต่ส่วนใหญ่เป็นกองทุนยุโรป ไม่ใช่กองทุนสหรัฐอเมริกา
ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ บริษัทให้ความสนใจในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้บันทึกสัญญาความร่วมมือเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับคู่ค้าในประเทศมาเลเซีย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะการเงิน (ดิวดิลิเจนต์) เพื่อจะร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาห้างสรรพสินค้าในประเทศมาเลเซีย คาดว่าต้นปีหน้าคงจะได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชะลอการลทุนในจีนไป เนื่องจากราคาที่ดินนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงมีความสนใจลักษณะลงทุนเข้าไปซื้อห้างที่สร้างยังไม่เสร็จ เพราะขณะนี้ รัฐบาลจีนห้ามให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกำหนดให้ต้องอาศัยทุนของบริษัทเองในการพัฒนา หากขาดด้านเงินทุนต้องหาทุนจากต่างชาติให้เข้าไปร่วม ขณะนี้พบว่า มีผู้ประกอบการหลายรายได้ติดต่อมายัง CPN ซึ่งบริษัทสนใจเข้าไปร่วมตามแนวทางนี้ เพราะจะทำให้ต้นทุนในการลงทุนถูกลง เพราะมีราคาส่วนลดถึง 40-50%
สำหรับมาร์เกตแคป CPN อยู่ที่ 1.57 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.2 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 91.39% จากปีก่อนที่ 37.75 บาทต่อหุ้น ขณะที่งวด 9 เดือนรายได้อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โต 42% กำไรสุทธิโต 155% จากช่วงเดียวกันปีก่อน