เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ สดใส หลัง MSCI นำเข้าคำนวณในดัชนี มีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 พ.ค.นี้เป็นต้นไป เชื่อส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้น สร้างความเชื่อมั่น แถมเพิ่มเสน่ห์ดึงนักลงทุนต่างชาติในอนาคต หลังสภาพคล่องหุ้นได้ตามเกณฑ์ ผลงานเติบโตต่อเนื่อง “ขจรพงศ์” ระบุ เพื่อตอกย้ำให้ EARTH เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น บริษัทเตรียมเดินสายโรดโชว์ต่อนักลงทุนต่างชาติปีหน้า
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า วันนี้ (31 พ.ค.) หุ้นของบริษัทจะถูกเข้าคำนวณในดัชนี Morgan Stanley Capital International (MSCI) เป็นวันแรก ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับทีมผู้บริหาร พนักงาน และผู้ถือหุ้นของบริษัท เนื่องจากเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากประกอบการในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 262.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 320.75 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2554 ที่มีกำไรสุทธิ 62.42 ล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องของหุ้นถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ของต่างชาติ จึงทำให้เป็นช่องทางให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และรู้จักบริษัทมากยิ่งขึ้น
“ผลจากการร่วมมือในทุกภาคส่วนของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา กระทั่งได้สร้างสรรผลงานออกสู่สายตานักลงทุน และเป็นที่ยอมรับด้วยดีเสมอมา และยิ่ง MSCI นำเข้าคำนวณในดัชนีด้วยแล้ว ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้ EARTH มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่ก้าวที่สำคัญในอนาคตของบริษัทในการเปิดรับนักลงทุนต่างชาติ และเพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น ในปีหน้า EARTH จึงมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนในต่างประเทศ (โรดโชว์) ด้วยเช่นกัน เพื่อตอกย้ำให้ EARTH เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น”
โดยจากความต้องการถ่านหินที่ได้เพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี เคียงคู่ไปกับราคาขายที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้ศึกษาหาเหมืองถ่านหินแห่งใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศอินเดีย และจีน โดยขณะนี้ ได้โฟกัสเหมืองถ่านหินแห่งใหม่อยู่จำนวน 1-2 เหมือง โดยเหมืองถ่านหินแห่งใหม่เตรียมใว้เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าอินเดีย และลูกค้ารายใหม่ที่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายให้มีปริมาณสำรองถ่านหินล่วงหน้า 10 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจด้านซัปพลายของบริษัท
สำหรับภาพรวมธุรกิจพลังงานถ่านหินของบริษัท เชื่อว่ายังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมต้องการที่จะลดต้นทุนทางการผลิตลง ขณะที่ถ่านหินถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จึงทำให้เชื่อว่าน่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่า ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 70% จากปี 2554 ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ 1.9 ล้านตัน จากความต้องการถานหินของตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ และการวางกลยุทธ์ด้านการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ