xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเสรีบุคคลธรรมดา-ธปท.จัดให้ลงทุนนอก-เก็งกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แบงก์ชาติไม่เหนียม! เปิดเสรีให้บุคคลธรรมดาสามารถลงทุนต่างประเทศได้อย่างเสรี รับมือทุนนอกทะลักเข้าไทย ชะลอบาทค่าแข็ง เผยสัปดาห์หน้าออกประกาศผ่อนคลายเงินทุนไหลออกระยะแรก 5 ประเด็นใหญ่ เศรษฐีไทยสามารถหากำไรอัตราแลกเปลี่ยน โดยอนุญาตให้ยกเลิกป้องกันความเสี่ยงที่ทำไว้ได้ พร้อมเปิดทางให้เพิ่ม บจ.ในตลาดหุ้นไทยเป็นนักลงทุนสถาบันสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า ธปท.จะออกประกาศแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้าย ระยะแรกของปี 55-56 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที เน้นผ่อนคลายหลักเกณฑ์ให้ภาคธุรกิจ หรือคนไทยลงทุนมากขึ้น ซึ่งยอมรับว่าคนไทยเสียโอกาสในช่วงที่ผ่านมาเรื่องนี้ แต่ไม่สายเพราะตอนนี้ราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อนหน้า และเงินบาทแข็งด้วย ถือเป็นจังหวะที่ดีในการออกประกาศนี้ และคาดว่าในปี 57 จะเริ่มแผนแม่บทฯ ระยะสองต่อไป ซึ่งจะผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น และจะคุยคลังเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ธปท.ได้ผ่อนคลายมาตรการ 5 ประเด็นใหญ่ โดยประเด็นแรก และเป็นเรื่องใหญ่ คือ ยกเลิกสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าได้ในรายการอื่นๆ ที่มีธุรกรรมรองรับ จากเดิมกำหนดให้เฉพาะการซื้อขายสินค้า และบริการเท่านั้นที่ทำได้ ทำให้คนไทยมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น เช่นในปีนี้ นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทย ได้กำไรจากหุ้น 27% และได้กำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอีก 2.7% แต่กองทุนไทยไปลงทุนนอก ได้ผลตอบแทน 3% และไม่ได้กำไรส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเพราะทำป้องกันความเสี่ยงไว้ 100% แต่ ธปท.มองว่า ถ้าค่าเงินเราวันที่จะชำระคืนได้กำไร คนไทยก็ควรได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย จึงเปิดเรื่องนี้ได้

ประเด็นที่สอง เปิดให้บุคคลธรรมดาสามารถนำเงินลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ทีดีไอ) ได้อย่างเสรี จากเดิมที่จำกัดวงเงินไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ทำให้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลลงทุนในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจไปซื้อกิจการในต่างประเทศมากขึ้น

ประเด็นที่สาม การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้เพิ่มประเภทบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเป็นนักลงทุนสถาบันเพิ่มเติม และลงทุนได้ไม่จำกัดจำนวน จากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์ของบุคคลธรรมดา วงเงินยังเท่าเดิม 20 ล้านเหรียญต่อปี แต่จะเพิ่มประเภทของหลักทรัพย์ให้ลงทุนได้มากขึ้น

ประเด็นสี่ บัญชีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศ (เอฟซีดี) ในขณะนี้ได้อนุญาตให้นิติบุคคลทั้งใน และนอกประเทศที่มีภาระผูกพันเป็นเงินตราต่างประเทศสามารถซื้อเงินตราต่างประเทศสะสมไว้ใช้ได้โดยไม่จำกัดระยะเวลาและวงเงิน จากเดิมจำกัดไว้ที่ 100 ล้านเหรียญต่อปี ขณะที่บุคคลธรรมดาที่ต้องใช้เงินตราต่างประเทศในอนาคต เช่น ส่งลูกเรียนเมืองนอกสามารถฝากเงินในบัญชีนี้ได้สูงสุด 5 แสนเหรียญต่อปีเท่าเดิม ประเด็นสุดท้าย การโอนเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศ ซึ่งเดิมกำหนดครั้งละไม่เกิน 2,000 ล้านเหรียญ ให้เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นของผู้นำเงินออก และรองรับการซื้อขายในการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนเข้าด้วยกัน (ASEAN Linkage)

“ช่วงแรกที่มีการออกแผนแม่บทมา แบงก์ชาติได้ประเมินไว้ว่าเงินทุนของคนไทยไหลออกไม่มากนัก และน่าจะมีผลให้การแกว่งตัวค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นบ้าง รวมถึงเป็นไปได้ที่เงินบาทผันผวนด้วย” รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวและว่า ส่วนแนวโน้มเงินทุนของต่างชาติไหลเข้าไทยน้อยลงกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าโอกาสที่ต่างชาติจะได้ประโยชน์จากผลตอบแทน และเงินบาทแข็งน้อยลง เกิดจากความเสี่ยงมากขึ้น และความสามารถทำกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ของไทยอยู่แค่ 16-17 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ยังต่ำกว่าเทียบกับเกาหลีใต้ 25 เท่า ทำให้เงินทุนคงไม่พรั่งพรูเหมือนที่ผ่านมา

ในปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 2.7% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และเงินบาทมีความผันผวนสูงขึ้นที่ระดับ 5% แต่ในอดีตค่าเงินบาทเคยผันผวนถึง 7% และมีแนวโน้มค่าความผันผวนปรับตัวสูงขึ้น แต่ไม่น่าจะเร่งมากนัก ทำให้ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น