“กิตติรัตน์” แนะรับมือ “คิวอี3” เม็ดเงินทะลักเข้าเอเชีย มั่นใจ ธปท. ดูแลค่าบาทได้

“รมว.คลัง” คาดมาตรการ “คิวอี3” รอบใหม่ของเฟด ส่งผลเงินไหลทะลักเข้าเอเชีย เตือนทุกชาติในเอเชียต้องร่วมใจกัน พร้อมหาทางรับมือผลกระทบ พร้อมเชื่อ ธปท. รับมือ-ดูแลค่าบาทได้

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเศรษฐกิจเชิงปริมาณรอบที่3 (คิวอี3) แบบไม่จำกัดวงเงิน และขยายเวลาตรึงดอกเบี้ยต่ำออกไปอีก 1 ปี สะท้อนถึงความกังวลปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ยังเปราะบาง และผลพวงจากวิกฤตหนี้ในยูโรโซนที่ยังน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ ปริมาณเงินในระบบที่ทางสหรัฐฯ อัดฉีดเข้ามามีแนวโน้มที่จะไหลเข้ามายังเอเชียมากขึ้น เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่า และลดความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศตะวันตก ดังนั้น จากนี้ไปประเทศในเอเชียต้องหันหน้ามาหารือร่วมกันว่าจะรับมือกับปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไร

“หน้าที่ของเอเชียต้องมาคิดกันมากขึ้น ทั้งการรับมือเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ และต้องคิดด้วยว่าจะมีส่วนช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลกไม่ให้ล่มสลายได้อย่างไรในภาวะที่ตะวันตกมีปัญหา”

สำหรับการเตรียมรับมือกับเงินทุนไหลเข้าของประเทศไทย นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ยังมีกลไกของนโยบายการเงินการคลัง ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังกำกับดูแลอยู่ ทั้งนโยบายดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และมาตรการภาษี รวมทั้งจะมีมาตรการเสริม เช่น ส่งเสริมการลงทุนยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะสามารถรับมือได้แน่นอน

รมว.คลัง เชื่อว่า ธปท. จะสามารถใช้กลไกที่มีอยู่ เช่น อัตราดอกเบี้ยดูแลไม่ให้เงินทุนไหลเข้ามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ และกระทบต่อการส่งออก โดยจะต้องรักษาเสถียรภาพของค่าเงินไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป เพื่อทำให้การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีสามารถแข่งขันได้ และเชื่อว่าหลังจากนี้ การส่งออกของประเทศไทยจะดีขึ้น

“กรณีที่เกิดขึ้น ธปท. ต้องดูผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม หากมีเงินไหลเข้าไทยมาก และต้องดูแลว่าหากเป็นเงินที่เข้ามาระยะสั้นๆ ในขณะที่เรามีอยู่มาก แล้วเราไม่ต้องการ จะแก้ปัญหาได้อย่างไร”

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการส่งออกที่หลายฝ่ายมองว่า จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ น้อยลง เห็นว่า ยังเป็นการคาดเดากันไป ตอนนี้ผู้ประกอบการมีการปรับตัว ขณะที่รัฐบาลมีการออกมาตรการรองรับแล้วก่อนหน้านี้ที่มีคณะกรรมการ 4 ชุดเพื่อกระตุ้นการส่งออก น่าจะส่งผลดีให้การส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีกระเตื้องขึ้นได้

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) รอบใหม่ไม่จำกัดวงเงิน พร้อมทั้งขยายเวลาคงอัตราดอกเบี้ยต่ำยาวนานขึ้นอีก 1 ปี