บ.ตามหนี้ คาดครึ่งปีหลัง “ลูกค้า” ส่อแววเบี้ยวหนี้เพิ่มขึ้น ชี้เป็นผลจาก การเงินตึงตัว-ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้น ลูกค้ากระเป๋าแห้ง ไม่มีเงินเพียงพอไปชำระหนี้ ยอมรับการติดตามถวงถามเริ่มทำได้ยากขึ้น
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานชมรมผู้ติดตามหนี้ที่เป็นธรรม และกรรมการผู้จัดการบริษัท เชฎฐ์คอลเลคชั่น แมนเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดตามหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มที่จะติดตามหนี้ได้ยากลำบากกว่าช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท แต่ภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ลูกค้าไม่มีรายได้เหลือที่จะจ่ายชำระหนี้
ขณะเดียวกัน ในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ จะครบกำหนดมาตรการช่วยเหลือที่สถาบันการเงินต่างๆ ผ่อนปรนการชำระหนี้ให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยให้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน แต่เมื่อครบกำหนดลูกค้ายังไม่มีกำลังที่จะชำระหนี้คืนทั้งต้นและดอกเบี้ย และเมื่อรวมกับยอดหนี้ก้อนใหม่ที่กู้มาซ่อมแซมบ้าน รถยนต์ และใช้จ่ายระหว่างน้ำท่วม ก็ส่งผลให้กำลังความสามารถการชำระหนี้ลดน้อยลง ประกอบกับในช่วงสิ้นปีนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จะเกิดปัญหาน้ำท่วมอีกหรือไม่ ทำให้ลูกหนี้ยังคงไม่ชำระหนี้ทั้งหมด ดังนั้น จึงคาดว่าจะมียอดหนี้เสียเพิ่มขึ้น และการติดตามหนี้ก็ยากขึ้นเช่นกัน
“เริ่มเห็นได้ชัดเจนว่าการติดตามทวงหนี้เริ่มลำบากมากขึ้น ลูกหนี้ส่วนใหญ่ยังอ้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอยู่ว่ายังไม่ฟื้นตัว และยังมีความกังวลว่าจะตกงาน หากภาวะการส่งออกไทยยังขยายตัวได้ไม่ดี จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ในขณะที่ราคาสินค้าก็ขยับแพงขึ้นสูงกว่าค่าจ้างที่เพิ่ม อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังไม่ได้เร่งที่จะฟ้องร้องลูกหนี้ เพราะต้องการเจรจาประนีประนอมก่อนให้ถึงสิ้นสุด” นายประชา กล่าวสรุปทิ้งท้าย
