ASTVผู้จัดการรายวัน - “เชาว์ สตีลฯ” มั่นใจมีนี้รายได้-กำไรเติบโตเพิ่ม แม้ Q1 ต้นทุนเศษเหล็กขยับสูง แต่ Q2 ปรับตัวลงจนคลายวิตก “อนาวิล” วางโปรเจกต์ใหม่เตรียมลงทุน 3-4 พันล้าน ขยายกำลังผลิตแตะ 1 ล้านตัน/ปี และใช้เทคโนโลยีใหม่ช่วยร่นเวลาผลิต อีกทั้งช่วยเพิ่มสินค้าให้หลากหลาย
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) (CHOW) เปิดเผยว่า ภาพรวมในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำรายได้รวมได้ตามเป้าหมาย คือ เติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.7 พันล้านบาท โดยจะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 3.4-3.6 แสนตัน จากปีที่ผ่านอยู่ที่ระดับ 2.8-3.0 แสนตัน ซึ่งหากครึ่งปีหลังไม่มีปัจจัยลบจากเรื่องน้ำท่วม และปัญหาทางการเมืองเข้ามากระทบ รวมทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซน รวมทั้งการกดดันตลาดของจีนเข้ามากระทบเพิ่มเติม ก็เชื่อว่า กำไรสุทธิในปีนี้ จะเติบโตทิศในทางเดียวกับรายได้
สำหรับในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทยอมรับว่า แม้จะมียอดจำหน่ายเหล็กถึง 70,000 ตัน ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ด้วยราคาเศษเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายอยู่ในระดับเท่าเดิม จึงทำให้ส่วนต่างราคา (สเปรด) ลดลงจากปกติ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทไม่เติบโตเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม คาดว่า กำไรไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาส 1 เนื่องจากส่วนต่างราคาขายกลับสู่ภาวะปกติที่ 5.50-6.00 บาท/ตัน จากไตรมาส 1 ส่วนต่างต่ำกว่า 5.50 บาท/ตัน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตให้แตะ 1,000,000 ตันต่อปี จากปัจจุบัน 700,000 ตันต่อปี โดยแผนดังกล่าวกำลังอยู่ในการศึกษา คาดว่จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งปัจจุบัน กำลังผลิตสูงสุดในช่วงออฟพีกของบริษัทอยู่ที่ 4.5 แสนตัน และหากขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 1 ล้านตัน กำลังผลิตของบริษัทในช่วงดังกล่าวจะเพิ่มขั้นเป็น 7 แสนตัน
“ตอนนี้เรากำลังศึกษา เราสนใจจะลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยเน้นที่ระบบ และเทคโนโลยีแบบใหม่ ซึ่งกำลังศึกษาเทคโนโลยีจากยุโรป ขณะที่ปัจจุบัน เทคโนโลยีที่เราใช้เป็นของจีน เทคโนโลยีใหม่จะช่วยร่นเวลาในการผลิตทำให้ผลิตได้มากขึ้น กำลังผลิตมีมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายมากกว่าที่ทำอยู่ขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3-4 พันล้านบาท
ส่วนแหล่งระดมทุนเพื่อใช้ลงทุนในโครงการดังกล่าว จะมาจากสถาบันการเงินทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งได้มีการพูดคุยเบื้องต้นไว้แล้ว และหลายรายให้ความสนใจ อีกทั้งยังมีพันธมิตรพาร์ตเนอร์ทั้งใน และต่างประเทศ 2-3 รายสนใจจะเข้าร่วมลงทุนในเทคโนโลยีใหม่นี้ด้วย ขณะที่อัตราหนี้สินต่อหุ้น (D/E) ปัจจุบันอยู่ประมาณ 1 เท่า แต่เมื่อดำเนินโครงการในช่วงดังกล่าวก็อาจสูงถึงประมาณ 3 เท่าได้เช่นกัน แต่จะเป็นเพียงช่วงระะยเวลาหนึ่งเท่านั้น”
ขณะเดัยวกัน ซีอีโอ CHOW กล่าวปิดท้ายว่า หลังสรุปงบการเงินไตรมาส 2 ได้แล้ว จะนำเรื่องเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยนโยบายจ่ายเงินปันผลอยู่ในอัตรา 40% ของกำไรบริษัท