ไทยเรยอน งวด 6 เดือนปี 55 กำไรหาย 1,601 ล้านบาท หรือลดลง 86% เหตุรายได้จากการขายตก จากปริมาณและยอดขายต่ำลง ขณะต้นทุนขายเพิ่มตามราคาวัตุดิบที่สูง
นายปราโมท คานเดลวาล ผู้จัดการทั่วไป (ฝ่ายการเงินและพาณิชย์) บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หรือ TR แจ้งผลงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 55 ซึ่งบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาบัญชีจากวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน เป็นวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 มีนาคม โดยงบการเงินงวดบริษัทมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,859 ล้านบาท หรือลดลง 1,601 ล้านบาท คิดเป็นลดลงกว่า 86%
เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 1,203 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% โดยลดลงจากปริมาณขาย 3% และราคาขายที่ลดลง 18% ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 38 ล้านบาทหรือคิดเป็น 70% เป็นผลมาจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการทำสัญญาล่วงหน้าของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องมากจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ผลจากรายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเงินฝากที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นในระหว่างงวด
สำหรับต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น 11% ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนของกำลังคนที่เพิ่มขึ้น และจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าผลประโยชน์ของพนักงานเมื่อออกจากงานตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ปรับสูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสียลดลง 383 ล้านบาท หรือคิดเป็น 79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากผลกำไรของบริษัทร่วมส่วนใหญ่ที่ลดลง จากเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และสภาวะทางการตลาดที่ซบเซา ขณะค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 108% อันเป็นผลจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและ การขายลดตั๋วส่งออก
อย่างไรก็ดี เงินสดและรายการเทียบเงินสดลดลงถึง 63% ผลจาการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มและเงินลงทุนชั่วคราวเพิ่มจากการลงทุนในเงินฝากที่มีระยะเวลาการครบกำหนดที่ยาวขึ้น ส่วนเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จากการทำสัญญาล่วงหน้าของอัตราแลกเปลี่ยน และหนี้สินหมุนเวียนลดลง
นายปราโมท คานเดลวาล ผู้จัดการทั่วไป (ฝ่ายการเงินและพาณิชย์) บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หรือ TR แจ้งผลงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 55 ซึ่งบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาบัญชีจากวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน เป็นวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 มีนาคม โดยงบการเงินงวดบริษัทมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,859 ล้านบาท หรือลดลง 1,601 ล้านบาท คิดเป็นลดลงกว่า 86%
เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 1,203 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% โดยลดลงจากปริมาณขาย 3% และราคาขายที่ลดลง 18% ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 38 ล้านบาทหรือคิดเป็น 70% เป็นผลมาจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการทำสัญญาล่วงหน้าของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องมากจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ผลจากรายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเงินฝากที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นในระหว่างงวด
สำหรับต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น 11% ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนของกำลังคนที่เพิ่มขึ้น และจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าผลประโยชน์ของพนักงานเมื่อออกจากงานตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ปรับสูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสียลดลง 383 ล้านบาท หรือคิดเป็น 79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากผลกำไรของบริษัทร่วมส่วนใหญ่ที่ลดลง จากเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และสภาวะทางการตลาดที่ซบเซา ขณะค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 108% อันเป็นผลจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและ การขายลดตั๋วส่งออก
อย่างไรก็ดี เงินสดและรายการเทียบเงินสดลดลงถึง 63% ผลจาการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มและเงินลงทุนชั่วคราวเพิ่มจากการลงทุนในเงินฝากที่มีระยะเวลาการครบกำหนดที่ยาวขึ้น ส่วนเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จากการทำสัญญาล่วงหน้าของอัตราแลกเปลี่ยน และหนี้สินหมุนเวียนลดลง
