โพลีเพล็กซ์ แจ้งไตรมาสแรกปีนี้กำไร 1,362 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 64% เหตุยอดขายต่ำลงตามราคาขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากความไม่สมดุลของอุปสงค์ที่เกิดขึ้นในปี 53 ทำให้กำไรปีก่อนสูงกว่าปกติ ขณะปีนี้ต้นทุนการดำเนินงานพุ่ง
นายโรฮิท กุมาร์ วาฮิททรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,362 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,883 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 2,521 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 64%
โดยไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายรวมลดลงจาก 11,183 ล้านบาท เหลือ 10,143 ล้านบาท หรือลดลงเกิน 1 พันล้านบาท หรือลดลง 9.3% เนื่องจากการลดลงอย่างมากของราคาขายอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากปี 53 ที่สถานการณ์ความไม่สมดุลของอุปสงค์ที่เกิดขึ้นในปี 53 ส่งผลให้ปีบัญชีก่อนมีอัตรากำไรที่สูงขึ้นกว่าปกติ ในปีบัญชีผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์ฟิล์มทั้งหมดจะมีอัตรากำไรปกติ เนื่องจากการมีผู้ค้ารายใหม่เข้ามาในตลาด และราคาขายลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบยังเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีบัญชีปัจจุบัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อราคาวัตถุดิบที่บริษัทใช้ในการผลิต เหล่านี้ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ และกำไรลดลงอย่างมากในปีปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 122 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 53 ที่มีกำไร ซึ่งผลการขาดทุนนี้เกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศไทยของบัญชีหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งมีการไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทย่อยในสิงคโปร์ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น ณ วันไถ่ถอนได้ชดเชยกับการได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในอดีตตั้งแต่ที่ได้บันทึกในบัญชีเมื่อมีการลงทุน การขาดทุนนี้ได้ชดเชยกับการได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทย่อยอื่น และยังได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศจากบัญชีลูกหนี้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท และกำหนดจ่ายปันผล 23 สิงหาคม 55
นายโรฮิท กุมาร์ วาฮิททรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,362 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,883 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 2,521 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 64%
โดยไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายรวมลดลงจาก 11,183 ล้านบาท เหลือ 10,143 ล้านบาท หรือลดลงเกิน 1 พันล้านบาท หรือลดลง 9.3% เนื่องจากการลดลงอย่างมากของราคาขายอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากปี 53 ที่สถานการณ์ความไม่สมดุลของอุปสงค์ที่เกิดขึ้นในปี 53 ส่งผลให้ปีบัญชีก่อนมีอัตรากำไรที่สูงขึ้นกว่าปกติ ในปีบัญชีผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์ฟิล์มทั้งหมดจะมีอัตรากำไรปกติ เนื่องจากการมีผู้ค้ารายใหม่เข้ามาในตลาด และราคาขายลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบยังเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีบัญชีปัจจุบัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อราคาวัตถุดิบที่บริษัทใช้ในการผลิต เหล่านี้ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ และกำไรลดลงอย่างมากในปีปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 122 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 53 ที่มีกำไร ซึ่งผลการขาดทุนนี้เกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศไทยของบัญชีหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งมีการไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทย่อยในสิงคโปร์ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น ณ วันไถ่ถอนได้ชดเชยกับการได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในอดีตตั้งแต่ที่ได้บันทึกในบัญชีเมื่อมีการลงทุน การขาดทุนนี้ได้ชดเชยกับการได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทย่อยอื่น และยังได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศจากบัญชีลูกหนี้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท และกำหนดจ่ายปันผล 23 สิงหาคม 55
