เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ ไตรมาสแรกปีนี้กำไรโตเกือบ 29%ตามยอดขายที่เติบโต แม้นกำไรลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซิสเต็มสำหรับระบบโทรคมนาคมชะลอตัวในอินเดีย ขณะยอดขายของผลิตภัณฑ์อื่นเติบโต และมาร์จิ้นเพิ่มสูง
นายหมิง เจิ้ง หวัง รองประธานกรรมการบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) หรือ DELTA แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 556 ล้านบาท หรือ 157 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 28%
โดยในไตรมาสแรกของปี 55 (ม.ค-มี.ค.55) บริษัทมียอดขายในไตรมาสแรกปี 55 มีอัตราลดลง 3.7% จาก 9,055 ล้านบาทของไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 8,721 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซิสเต็มสาหรับระบบโทรคมนาคม (Telecom power system) ในอินเดีย เนื่องมาจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัปพลายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา (ส่วนใหญ่ประกอบด้วยชาร์จเจอร์ อแดปเตอร์ และเพาเวอร์ซัปพลายสาหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการบริโภค) มีอัตราเติบโตสูงขึ้นประมาณ 16% เมื่อเทียบกับยอดขายของช่วงเดียวกันในปีก่อน
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพัดลมระบายความร้อน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วย EMI และ Solenoid ก็มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกันในอัตรา 10% และ 14% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกปี 55 มีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 22.4% ในไตรมาสแรกปีก่อนเป็น 25.7%
เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนค่าใช้จ่ายจากการขายและดำเนินงาน (SG&A) ที่ไม่รวมค่าวิจัย และพัฒนามีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 11% ของยอดขายในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 12.9% โดยมีรายการสำคัญที่เพิ่มขึ้นคือการตั้งสารองหนี้สูญในบราซิล ค่านายหน้าขาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ทาให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 6.3% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 7.3% และเมื่อประกอบกับการมีรายได้ดอกเบี้ยรับที่สูงขึ้น และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจาก 557 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 713 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28% และมีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 0.45 บาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.57 บาท
นายหมิง เจิ้ง หวัง รองประธานกรรมการบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) หรือ DELTA แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 556 ล้านบาท หรือ 157 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 28%
โดยในไตรมาสแรกของปี 55 (ม.ค-มี.ค.55) บริษัทมียอดขายในไตรมาสแรกปี 55 มีอัตราลดลง 3.7% จาก 9,055 ล้านบาทของไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 8,721 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของยอดขายผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซิสเต็มสาหรับระบบโทรคมนาคม (Telecom power system) ในอินเดีย เนื่องมาจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัปพลายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา (ส่วนใหญ่ประกอบด้วยชาร์จเจอร์ อแดปเตอร์ และเพาเวอร์ซัปพลายสาหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการบริโภค) มีอัตราเติบโตสูงขึ้นประมาณ 16% เมื่อเทียบกับยอดขายของช่วงเดียวกันในปีก่อน
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพัดลมระบายความร้อน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วย EMI และ Solenoid ก็มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกันในอัตรา 10% และ 14% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกปี 55 มีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 22.4% ในไตรมาสแรกปีก่อนเป็น 25.7%
เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนค่าใช้จ่ายจากการขายและดำเนินงาน (SG&A) ที่ไม่รวมค่าวิจัย และพัฒนามีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 11% ของยอดขายในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 12.9% โดยมีรายการสำคัญที่เพิ่มขึ้นคือการตั้งสารองหนี้สูญในบราซิล ค่านายหน้าขาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ทาให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 6.3% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 7.3% และเมื่อประกอบกับการมีรายได้ดอกเบี้ยรับที่สูงขึ้น และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจาก 557 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 713 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28% และมีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 0.45 บาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.57 บาท