บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม หวังปีนี้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 30% ตามแผนที่วางไว้ หลังออเดอร์ลูกค้าเก่าและใหม่สะพรั่งตามอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนพลาสติก และผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อการบริโภคฟื้นตัว “สาทิส ตัตวธร” ใส่เกียร์เดินหน้าทุ่มงบ 150 ล้านบาท เพิ่มเครื่องจักรใหม่ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 30% พร้อมลุยขยายฐานลูกค้า และเจาะตลาดใหม่ๆ ผนึกกำลังดันผลงานโตตามแผน
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE เปิดเผยว่า จากภาพรวมธุรกิจทั้งในส่วนของ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม และบริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2554 และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 35% จากสัดส่วนในปี 2553 ที่อยู่ที่ระดับ 5%
นอกจากนั้น SALEE ได้เพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ย 30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยได้ตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อเครื่องจักรทั้งในส่วนของงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและพริ้นติ้งไว้ปีละประมาณ 150 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รุกขยายฐานลูกค้า ตลอดจนการเจาะตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เชื่อว่า ปีนี้รายได้น่าจะมีการเติบโต 30% หรือขยับขึ้นไปแตะที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีรายได้ 756 ล้านบาท
“แม้ว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเกิดวิกฤติน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ แต่ออเดอร์จากลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่าและใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพิมพ์ฉลากสินค้า กลุ่มชิ้นส่วนพลาสติก หรือแม้กระทั่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เป็นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 30% ได้”
ปัจจุบัน บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพรินติ้ง (ผลิตฉลากสินค้า) 55% และธุรกิจฉีดและขึ้นรูปพลาสติก 45% โดยทั้ง 2 ธุรกิจมีมาร์จิ้นที่ใกล้เคียงกันประมาณ 30-35% ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนนี้ไว้ พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า และบุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้น รวมถึงจะเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและการบริการที่ดี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้ตรงกับความต้องการสูงสุด พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าเดิมที่มีอยู่ โดยเชื่อว่าน่าจะผลักดันให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง และผลักดันให้ผลประกอบการของ SALEE มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE เปิดเผยว่า จากภาพรวมธุรกิจทั้งในส่วนของ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม และบริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2554 และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 35% จากสัดส่วนในปี 2553 ที่อยู่ที่ระดับ 5%
นอกจากนั้น SALEE ได้เพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ย 30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยได้ตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อเครื่องจักรทั้งในส่วนของงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและพริ้นติ้งไว้ปีละประมาณ 150 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รุกขยายฐานลูกค้า ตลอดจนการเจาะตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เชื่อว่า ปีนี้รายได้น่าจะมีการเติบโต 30% หรือขยับขึ้นไปแตะที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีรายได้ 756 ล้านบาท
“แม้ว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเกิดวิกฤติน้ำท่วมในหลายๆ พื้นที่ แต่ออเดอร์จากลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าเก่าและใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพิมพ์ฉลากสินค้า กลุ่มชิ้นส่วนพลาสติก หรือแม้กระทั่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เป็นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 30% ได้”
ปัจจุบัน บริษัทมีรายได้จากธุรกิจพรินติ้ง (ผลิตฉลากสินค้า) 55% และธุรกิจฉีดและขึ้นรูปพลาสติก 45% โดยทั้ง 2 ธุรกิจมีมาร์จิ้นที่ใกล้เคียงกันประมาณ 30-35% ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนนี้ไว้ พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า และบุกขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้น รวมถึงจะเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและการบริการที่ดี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้ตรงกับความต้องการสูงสุด พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าเดิมที่มีอยู่ โดยเชื่อว่าน่าจะผลักดันให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง และผลักดันให้ผลประกอบการของ SALEE มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต