“ท็อปส์” รับมือไฮเปอร์มาร์เก็ต ถล่มราคาถูกทุกวัน ทุ่ม 300 ล้านบาท จากงบทั้งปี 1,500 ล้านบาท รีโนเวตฟอร์แมต ท็อปส์ซูเปอร์ รักษาฐานลูกค้า ดึงสินค้าท็อปทรี 5,000 รายการ ร่วมแคมเปญยันจัดยาวเปลี่ยนสินค้าตลอด เพิ่มสาขาใหม่ปีนี้อีก 208 สาขา
นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ดูแลธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ปีนี้มีแผนลงทุนประมาณ 1,200 -1,500 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตสาขาเดิมและเปิดสาขาใหม่แบ่งเป็นท็อปส์เดลี่ 200 สาขา และรูปแบบอื่นอีกรวม 8 สาขา เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้งบลงทุน 750 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ คือ เดลี่ 61 สาขา มาร์เก็ต 3 สาขา และซูเปอร์ 2 สาขา
“การเปิดท็อปส์เดลี่ในปีนี้ถึง 200 สาขานั้น ถือเป็นปริมาณที่มาก ซึ่งเราเองก็เปิดกว้างกับทุกทำเลและพันธมิตรที่มีโอกาสและมีศักยภาพและความเหมาะสม เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย 200 สาขา เราต้องรุกทุกทำเล ไม่ใช่เฉพาะปั๊มน้ำมันหรือย่านชุมชนเท่านั้น ซึ่งในปั๊มน้ำมันเราก็เคยเปิดท็อปส์เดลี่มาแล้ว 1 แห่ง ที่ย่านเกษตร-นวมินทร์”
ล่าสุดได้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท รีโนเวตรูปแบบท็อปส์ซูเปอร์ใหม่ เพื่อรองรับกับแคมเปญ “ถูกทุกวัน” เนื่องจากข้อมูลพบว่า พฤติกรรมลูกค้าของท็อส์ซูเปอร์คือ วัยรุ่น คนเพิ่งเริ่มทำงาน ครอบครัว เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจรวมทั้งปัญหาน้ำท่วมด้วย ทำให้ลูกค้ามองหาสินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาต้องคุ้มค่า โดยตั้งแต่ช่วงปัญหาน้ำท่วมและวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มนี้ เข้าซูเปอร์ลดลงเหลือ 2.9 ครั้งต่อเดือน จากเดิม 3.1 ครั้งต่อเดือน หรือประมาณ 4% ส่วนปริมาณการใช้จ่าย เพิ่มสูงขึ้น 8% อย่างไรก็ตามบริษัทมีเป้าหมายต้องการเพิ่มทั้งความถี่เข้าร้านกับมูลค่าการใช้จ่ายของลูกค้า
โดยขณะนี้ได้รีโนเวตรูปแบบท็อปส์ซูเปอร์ใหม่ไปแล้ว 9 สาขา จากรูปแบบซูเปอร์ทั้งหมด 52 สาขา คาดว่าที่เหลือทั้งหมดจะเสร็จภายในปีนี้ โฉมใหม่จะมีความทันสมัย สินค้าโดดเด่นหยิบง่าย รวมกว่า 5,000 รายการที่มีสัดส่วนยอดขายรวม 80% ของท็อปส์ซูเปอร์ จากที่เริ่มปลายปีที่แล้วมี 3,000 รายการเท่านั้น เป็นสินค้าที่ติดท็อปทรีมาจัดรายการ จากทั้งหมดมี 25,000 รายการในรูปแบบซูเปอร์ และเพิ่มสินค้านำเข้าอีกเช่น ผัก ความงามและสุขภาพ ประมาณ 15% เพื่อให้สมกับสโลแกนใหม่คือ “สด คุ้ม ถูกใจ”
อย่างไรก็ตาม นายอลิสเตอร์ ยืนยันว่า เป็นกลยุทธ์ของบริษัทอยู่แล้ว ไม่ใช่ออกมาเพื่อต้องการต่อสู้กับไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ทุกวันนี้หันมาเล่นราคาเน้นถูกทุกวันกันเกือบทุกค่าย ซึ่งไม่ได้กระทบกับยอดขายของเครือท็อปส์แต่อย่างใด โดยแคมเปญนี้จะมีต่อเนื่อง 3 เดือน ตั้งแต่ มีนาคม-พฤษภาคมนี้ แต่จากนั้นก็จะเปลี่ยนสินค้าใหม่ แต่ยังคงแคมเปญถูกทุกวันต่อไป เพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคต่อเนื่อง และแคมเปญนี้คาดหวังเพิ่มยอดขายให้กับเราอีก 20% ด้วย หากกลยุทธ์นี้สำเร็จ อาจจะนำไปใช้กับฟอร์แมตอื่น เช่น ท็อปส์มาร์เก็ต ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
นายอลิสเตอร์ กล่าวว่า ปีที่แล้วบริษัทมีรายได้รวม 23,000 ล้านบาท เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และแผนในการเปิดสาขาใหม่ช่วงไตรมาสสุดท้ายต้องชะลอไปก่อน เพื่อหันมารับมือกับปัญหาน้ำท่วมเต็มที่ แต่มั่นใจว่าปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เพราะการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น
และการทำตลาดต่อเนื่องทั้งแคมเปญต่างๆและโปรโมชั่น ขณะที่แผนรับมือวิกฤติน้ำท่วมนั้นก็มีเตรียมไว้เช่นกัน โดยเฉพาะการหาดีซีสำรองเผื่อไว้ จากเดิมมีแห่งเดียวที่บางบัวทอง
นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ดูแลธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ปีนี้มีแผนลงทุนประมาณ 1,200 -1,500 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตสาขาเดิมและเปิดสาขาใหม่แบ่งเป็นท็อปส์เดลี่ 200 สาขา และรูปแบบอื่นอีกรวม 8 สาขา เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้งบลงทุน 750 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ คือ เดลี่ 61 สาขา มาร์เก็ต 3 สาขา และซูเปอร์ 2 สาขา
“การเปิดท็อปส์เดลี่ในปีนี้ถึง 200 สาขานั้น ถือเป็นปริมาณที่มาก ซึ่งเราเองก็เปิดกว้างกับทุกทำเลและพันธมิตรที่มีโอกาสและมีศักยภาพและความเหมาะสม เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย 200 สาขา เราต้องรุกทุกทำเล ไม่ใช่เฉพาะปั๊มน้ำมันหรือย่านชุมชนเท่านั้น ซึ่งในปั๊มน้ำมันเราก็เคยเปิดท็อปส์เดลี่มาแล้ว 1 แห่ง ที่ย่านเกษตร-นวมินทร์”
ล่าสุดได้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท รีโนเวตรูปแบบท็อปส์ซูเปอร์ใหม่ เพื่อรองรับกับแคมเปญ “ถูกทุกวัน” เนื่องจากข้อมูลพบว่า พฤติกรรมลูกค้าของท็อส์ซูเปอร์คือ วัยรุ่น คนเพิ่งเริ่มทำงาน ครอบครัว เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจรวมทั้งปัญหาน้ำท่วมด้วย ทำให้ลูกค้ามองหาสินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาต้องคุ้มค่า โดยตั้งแต่ช่วงปัญหาน้ำท่วมและวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มนี้ เข้าซูเปอร์ลดลงเหลือ 2.9 ครั้งต่อเดือน จากเดิม 3.1 ครั้งต่อเดือน หรือประมาณ 4% ส่วนปริมาณการใช้จ่าย เพิ่มสูงขึ้น 8% อย่างไรก็ตามบริษัทมีเป้าหมายต้องการเพิ่มทั้งความถี่เข้าร้านกับมูลค่าการใช้จ่ายของลูกค้า
โดยขณะนี้ได้รีโนเวตรูปแบบท็อปส์ซูเปอร์ใหม่ไปแล้ว 9 สาขา จากรูปแบบซูเปอร์ทั้งหมด 52 สาขา คาดว่าที่เหลือทั้งหมดจะเสร็จภายในปีนี้ โฉมใหม่จะมีความทันสมัย สินค้าโดดเด่นหยิบง่าย รวมกว่า 5,000 รายการที่มีสัดส่วนยอดขายรวม 80% ของท็อปส์ซูเปอร์ จากที่เริ่มปลายปีที่แล้วมี 3,000 รายการเท่านั้น เป็นสินค้าที่ติดท็อปทรีมาจัดรายการ จากทั้งหมดมี 25,000 รายการในรูปแบบซูเปอร์ และเพิ่มสินค้านำเข้าอีกเช่น ผัก ความงามและสุขภาพ ประมาณ 15% เพื่อให้สมกับสโลแกนใหม่คือ “สด คุ้ม ถูกใจ”
อย่างไรก็ตาม นายอลิสเตอร์ ยืนยันว่า เป็นกลยุทธ์ของบริษัทอยู่แล้ว ไม่ใช่ออกมาเพื่อต้องการต่อสู้กับไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ทุกวันนี้หันมาเล่นราคาเน้นถูกทุกวันกันเกือบทุกค่าย ซึ่งไม่ได้กระทบกับยอดขายของเครือท็อปส์แต่อย่างใด โดยแคมเปญนี้จะมีต่อเนื่อง 3 เดือน ตั้งแต่ มีนาคม-พฤษภาคมนี้ แต่จากนั้นก็จะเปลี่ยนสินค้าใหม่ แต่ยังคงแคมเปญถูกทุกวันต่อไป เพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคต่อเนื่อง และแคมเปญนี้คาดหวังเพิ่มยอดขายให้กับเราอีก 20% ด้วย หากกลยุทธ์นี้สำเร็จ อาจจะนำไปใช้กับฟอร์แมตอื่น เช่น ท็อปส์มาร์เก็ต ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
นายอลิสเตอร์ กล่าวว่า ปีที่แล้วบริษัทมีรายได้รวม 23,000 ล้านบาท เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และแผนในการเปิดสาขาใหม่ช่วงไตรมาสสุดท้ายต้องชะลอไปก่อน เพื่อหันมารับมือกับปัญหาน้ำท่วมเต็มที่ แต่มั่นใจว่าปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เพราะการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น
และการทำตลาดต่อเนื่องทั้งแคมเปญต่างๆและโปรโมชั่น ขณะที่แผนรับมือวิกฤติน้ำท่วมนั้นก็มีเตรียมไว้เช่นกัน โดยเฉพาะการหาดีซีสำรองเผื่อไว้ จากเดิมมีแห่งเดียวที่บางบัวทอง