ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 2.120 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 12.3% ระบุ จากรายได้การดำเนินงานที่เติบโตดีมากชดเชยต้นทุนดำเนินงาน-สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นไดั้
CIMB Group Holdings Berhad (CIMB Group) ประกาศผลประกอบการครึ่งแรกปีบัญชี 2555 มีกำไรสุทธิ 2.120 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 28.5 เซ็นต์ (sen) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) คิดเป็นสัดส่วนปีอยู่ที่ร้อยละ 16 โดยกลุ่มประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 5 เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงินปันผลสุทธิทั้งสิ้น 372 ล้านริงกิต
“CIMB Group สามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่งในครึ่งปี 55 อันเป็นผลจากการเติบโตที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องของ CIMB Niaga และ CIMB Singapore และผลประกอบการที่เกินเป้าหมายของสายบรรษัทธุรกิจ และบริหารเงิน (CBTM) โดยรวมแล้ว ซึ่งรายได้จากการดำเนินงานเติบโตดีมาก สามารถชดเชยกับต้นทุนการดำเนินงาน และต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นตามที่ได้คาดการณ์ไว้”ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค Group Chief Executive กล่าว
สำหรับรายได้รวมของ CIMB Group มีจำนวน 6.581 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ประกอบกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ กำไรก่อนหักภาษี (PBT) ของกลุ่มเท่ากับ 2.811 พันล้านริงกิต คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 11.9 โดยที่การขยายตัวของรายได้ส่วนหนึ่งชดเชยกับการตั้งสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อ (credit charges) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
โดยธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคสร้าง PBT แก่กลุ่มในสัดส่วนสูงที่สุด คือ ร้อยละ 40 (ไม่เปลี่ยนแปลงจากครึ่งปี 1/54) สัดส่วนจากธุรกิจบริหารเงินพุ่งขึ้นเป็นร้อยละ 25 จากเพียงร้อยละ 14 ในปีที่ผ่านมา สัดส่วนจากบรรษัทธุรกิจ วาณิชธนกิจ และการลงทุน คิดเป็นร้อยละ 20 ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในครึ่งปี 1/55 PBT จากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคของกลุ่มฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากครึ่งปี 1/54 เป็น 1.122 พันล้านริงกิต โดยธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ขยายตัวระดับปานกลางอย่างต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 6.9 ในขณะที่ PBT จากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 31.7 ซึ่งเป็นผลทั้งจากสินทรัพย์รวมที่สูงขึ้น และส่วนต่างกำไรที่ดีขึ้น สำหรับธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศไทยมีผลขาดทุน 4 ล้านริงกิต โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากผลย้อนหลังของการบังคับใช้กรอบการประกันเงินฝากใหม่
ด้านสัดส่วน PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Niaga ในครึ่งปี 1/55 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 มาอยู่ที่ 2,735 พันล้านรูเปียห์ คิดเป็นสัดส่วน PBT ต่อกลุ่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 หรือ 918 ล้านริงกิต และเท่ากับร้อยละ 33 ของ PBT ทั้งกลุ่มในครึ่งปี 1/55 สำหรับ PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Thai ลดลงร้อยละ 29.8 มาอยู่ที่ 395 ล้านบาท ซึ่งหลังจากปรับปรุงบัญชีตามเกณฑ์ GAAP และ FRS139 สัดส่วน PBT ต่อกลุ่มฯ จะลดลงร้อยละ 33.7 ที่ 32 ล้านริงกิต คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของ PBT ทั้งกลุ่ม ในขณะที่ PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Singapore เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.1 มาอยู่ที่ 108.3 ล้านริงกิต โดยสัดส่วน PBT ต่อกลุ่มฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4 กล่าวโดยสรุป PBT จากกิจการที่ไม่ใช่สัญชาติมาเลเซียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43 ในครึ่งปี 1/55 จากร้อยละ 37 ในครึ่งปี 1/54
CIMB Group Holdings Berhad (CIMB Group) ประกาศผลประกอบการครึ่งแรกปีบัญชี 2555 มีกำไรสุทธิ 2.120 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 28.5 เซ็นต์ (sen) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) คิดเป็นสัดส่วนปีอยู่ที่ร้อยละ 16 โดยกลุ่มประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 5 เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงินปันผลสุทธิทั้งสิ้น 372 ล้านริงกิต
“CIMB Group สามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่งในครึ่งปี 55 อันเป็นผลจากการเติบโตที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องของ CIMB Niaga และ CIMB Singapore และผลประกอบการที่เกินเป้าหมายของสายบรรษัทธุรกิจ และบริหารเงิน (CBTM) โดยรวมแล้ว ซึ่งรายได้จากการดำเนินงานเติบโตดีมาก สามารถชดเชยกับต้นทุนการดำเนินงาน และต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นตามที่ได้คาดการณ์ไว้”ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค Group Chief Executive กล่าว
สำหรับรายได้รวมของ CIMB Group มีจำนวน 6.581 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ประกอบกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ กำไรก่อนหักภาษี (PBT) ของกลุ่มเท่ากับ 2.811 พันล้านริงกิต คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 11.9 โดยที่การขยายตัวของรายได้ส่วนหนึ่งชดเชยกับการตั้งสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อ (credit charges) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
โดยธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคสร้าง PBT แก่กลุ่มในสัดส่วนสูงที่สุด คือ ร้อยละ 40 (ไม่เปลี่ยนแปลงจากครึ่งปี 1/54) สัดส่วนจากธุรกิจบริหารเงินพุ่งขึ้นเป็นร้อยละ 25 จากเพียงร้อยละ 14 ในปีที่ผ่านมา สัดส่วนจากบรรษัทธุรกิจ วาณิชธนกิจ และการลงทุน คิดเป็นร้อยละ 20 ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในครึ่งปี 1/55 PBT จากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคของกลุ่มฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากครึ่งปี 1/54 เป็น 1.122 พันล้านริงกิต โดยธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ขยายตัวระดับปานกลางอย่างต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 6.9 ในขณะที่ PBT จากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 31.7 ซึ่งเป็นผลทั้งจากสินทรัพย์รวมที่สูงขึ้น และส่วนต่างกำไรที่ดีขึ้น สำหรับธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศไทยมีผลขาดทุน 4 ล้านริงกิต โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากผลย้อนหลังของการบังคับใช้กรอบการประกันเงินฝากใหม่
ด้านสัดส่วน PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Niaga ในครึ่งปี 1/55 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 มาอยู่ที่ 2,735 พันล้านรูเปียห์ คิดเป็นสัดส่วน PBT ต่อกลุ่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 หรือ 918 ล้านริงกิต และเท่ากับร้อยละ 33 ของ PBT ทั้งกลุ่มในครึ่งปี 1/55 สำหรับ PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Thai ลดลงร้อยละ 29.8 มาอยู่ที่ 395 ล้านบาท ซึ่งหลังจากปรับปรุงบัญชีตามเกณฑ์ GAAP และ FRS139 สัดส่วน PBT ต่อกลุ่มฯ จะลดลงร้อยละ 33.7 ที่ 32 ล้านริงกิต คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของ PBT ทั้งกลุ่ม ในขณะที่ PBT ส่วนที่มาจาก CIMB Singapore เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.1 มาอยู่ที่ 108.3 ล้านริงกิต โดยสัดส่วน PBT ต่อกลุ่มฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4 กล่าวโดยสรุป PBT จากกิจการที่ไม่ใช่สัญชาติมาเลเซียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43 ในครึ่งปี 1/55 จากร้อยละ 37 ในครึ่งปี 1/54
