วายแอลจี คาดการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปจะฉลุย หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป แนะออกใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคารสำหรับกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพ ขณะยอดขายบ้านในสหรัฐฯ วูบและภาวะตึงเครียดในตะวันออกกลาง เป็นแรงผลักดันราคาน้ำมัน และทองคำในระยะสั้น แนะระมัดระวังการลงทุน
“วายแอลจี” สรุปสภาวะตลาดวันที่ 26 กรกฏาคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,601.21-1,607.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ12 อยู่ที่ 24,190 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 23,990 บาท ขณะที่ซิลเวอร์ฟิวเจอร์ SVQ12 อยู่ที่ 873 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 861 บาท สำหรับแนวโน้มวันที่ 27 กรกฏาคม 2555 นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเรื่องการจัดการกับวิกฤตหนี้ยุโรป ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แนะนำให้มีการออกใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคารสำหรับกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพ (ESM) ซึ่งจะทำให้ ESM สามารถเข้าถึงเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรปได้ และอาจสามารถขยายวงเงินปล่อยกู้ได้ เนื่องจากตลาดกังวลว่า วงเงินปัจจุบันของกองทุน ESM มีขนาดใหญ่ไม่มากพอที่จะช่วยเหลือสเปน และอิตาลีได้เป็นแรงหนุนให้ตลาดทองคำมีการปรับตัวขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลง 8.4% ซึ่งถือว่าลดลงสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ อาจกดดันเฟดให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลาใกล้นี้ ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในซีเรีย ยังคงเป็นแรงผลักดันราคาน้ำมัน และราคาทองคำในระยะสั้น หลังจากรัฐบาลซีเรียได้ประกาศเตือนว่า จะใช้อาวุธเคมีหากถูกต่างชาติรุกราน
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยแวดล้อมในตลาดทองคำในขณะนี้จะผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนจะสังเกตได้ว่า ราคาทองคำมีในลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากตลาดทองคำยังขาดปัจจัยที่จะชี้นำราคาทองคำได้ในระยะยาว ปัจจัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำได้เพียงชี้นำราคาทองคำระยะสั้นๆ แต่มีปัจจัยหลายตัวที่เข้ามากดดันราคาทองคำ เบื้องต้น วายแอลจีประเมินแนวรับบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซนนี้ จะมีแรงดีดตัวขึ้นไป แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,612 หรือ 1,621 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จึงเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ต้องระมัดระวังการไหลตัวลงสู่แนวรับที่ 1,575 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,612 หรือ 1,621 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่าน ราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวคงต้องรอการย่อตัว และการตั้งฐานของราคาทองคำแล้วจึงเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม
** ทองคำแท่ง (96.50%) ** แนวรับ 1,585 (23,750 บาท) 1,575 (23,560 บาท) 1,565 (23,440 บาท) แนวต้าน 1,612 (24,150 บาท) 1,621 (24,290 บาท) 1,633 (24,470 บาท) ** GOLD FUTURES (GFQ12) **แนวรับ 1,585 (23,890 บาท) 1,575 (23,740 บาท) 1,565 (23,590 บาท) แนวต้าน 1,612 (24,300 บาท) 1,621 (24,440 บาท) 1,633 (24,620 บาท) **SILVER FUTURES (SVQ12) **แนวรับ 26.90 (859 บาท) 26.50 (846 บาท) 26.20 (836 บาท)แนวต้าน 27.60 (881 บาท) 27.85 (889 บาท) 28.20 (900 บาท)
“วายแอลจี” สรุปสภาวะตลาดวันที่ 26 กรกฏาคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,601.21-1,607.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ12 อยู่ที่ 24,190 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 23,990 บาท ขณะที่ซิลเวอร์ฟิวเจอร์ SVQ12 อยู่ที่ 873 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 861 บาท สำหรับแนวโน้มวันที่ 27 กรกฏาคม 2555 นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเรื่องการจัดการกับวิกฤตหนี้ยุโรป ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แนะนำให้มีการออกใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคารสำหรับกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพ (ESM) ซึ่งจะทำให้ ESM สามารถเข้าถึงเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรปได้ และอาจสามารถขยายวงเงินปล่อยกู้ได้ เนื่องจากตลาดกังวลว่า วงเงินปัจจุบันของกองทุน ESM มีขนาดใหญ่ไม่มากพอที่จะช่วยเหลือสเปน และอิตาลีได้เป็นแรงหนุนให้ตลาดทองคำมีการปรับตัวขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลง 8.4% ซึ่งถือว่าลดลงสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ อาจกดดันเฟดให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลาใกล้นี้ ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในซีเรีย ยังคงเป็นแรงผลักดันราคาน้ำมัน และราคาทองคำในระยะสั้น หลังจากรัฐบาลซีเรียได้ประกาศเตือนว่า จะใช้อาวุธเคมีหากถูกต่างชาติรุกราน
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยแวดล้อมในตลาดทองคำในขณะนี้จะผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนจะสังเกตได้ว่า ราคาทองคำมีในลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากตลาดทองคำยังขาดปัจจัยที่จะชี้นำราคาทองคำได้ในระยะยาว ปัจจัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำได้เพียงชี้นำราคาทองคำระยะสั้นๆ แต่มีปัจจัยหลายตัวที่เข้ามากดดันราคาทองคำ เบื้องต้น วายแอลจีประเมินแนวรับบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซนนี้ จะมีแรงดีดตัวขึ้นไป แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,612 หรือ 1,621 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จึงเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ต้องระมัดระวังการไหลตัวลงสู่แนวรับที่ 1,575 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,612 หรือ 1,621 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่าน ราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวคงต้องรอการย่อตัว และการตั้งฐานของราคาทองคำแล้วจึงเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม
** ทองคำแท่ง (96.50%) ** แนวรับ 1,585 (23,750 บาท) 1,575 (23,560 บาท) 1,565 (23,440 บาท) แนวต้าน 1,612 (24,150 บาท) 1,621 (24,290 บาท) 1,633 (24,470 บาท) ** GOLD FUTURES (GFQ12) **แนวรับ 1,585 (23,890 บาท) 1,575 (23,740 บาท) 1,565 (23,590 บาท) แนวต้าน 1,612 (24,300 บาท) 1,621 (24,440 บาท) 1,633 (24,620 บาท) **SILVER FUTURES (SVQ12) **แนวรับ 26.90 (859 บาท) 26.50 (846 บาท) 26.20 (836 บาท)แนวต้าน 27.60 (881 บาท) 27.85 (889 บาท) 28.20 (900 บาท)