ASTVผู้จัดการรายวัน - “วายแอลจี” มองราคาทองคำยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ของยุโรปที่ยังไม่มีท่าทีจะฟื้นตัว ชี้หากไม่ผ่าน 1,585 ดอลล์/ออนซ์ จะอ่อนตัวลงมา
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำ (5 มิ.ย.) ว่า จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแรงลง จากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีการชะลอลงกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ลดลง 6 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งรัฐบาล และผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง เห็นได้จากภาคธุรกิจชะลอการเพิ่มสต๊อกอุปทาน ขณะที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงที่ขยายตัวเพียง 1.9% ในไตรมาสแรกของปี 2555 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 2.2% ทั้งนี้ ตัวเลขทางฝั่งสหรัฐอเมริกาที่โดยรวมแล้วค่อนข้างส่งผลต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งแรงซื้อในตลาดทองคำมีเข้ามาตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา ดังนั้นแล้ว นักลงทุนควรติดตาม และประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของยุโรปว่าคงร้อนแรงต่อไป และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยุโรปจะหาทางออกจากวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังจากการประชุมของบรรดาผู้นำชาติยุโรปต่างๆ ที่ผ่านมา กลับไม่มีวี่แววของมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทำให้ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจากผลการประชุมต่างๆ อยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,535 ดอลลาร์ต่ออนซ์ได้ คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลง แต่หากยืนได้อย่างแข็งแกร่ง น่าจะได้เห็นการขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญระดับที่บริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนมีมุมมองว่า ราคาทองคำหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอีกครั้ง
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำ (5 มิ.ย.) ว่า จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแรงลง จากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีการชะลอลงกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ลดลง 6 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งรัฐบาล และผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง เห็นได้จากภาคธุรกิจชะลอการเพิ่มสต๊อกอุปทาน ขณะที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงที่ขยายตัวเพียง 1.9% ในไตรมาสแรกของปี 2555 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 2.2% ทั้งนี้ ตัวเลขทางฝั่งสหรัฐอเมริกาที่โดยรวมแล้วค่อนข้างส่งผลต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งแรงซื้อในตลาดทองคำมีเข้ามาตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา ดังนั้นแล้ว นักลงทุนควรติดตาม และประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของยุโรปว่าคงร้อนแรงต่อไป และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยุโรปจะหาทางออกจากวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังจากการประชุมของบรรดาผู้นำชาติยุโรปต่างๆ ที่ผ่านมา กลับไม่มีวี่แววของมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทำให้ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจากผลการประชุมต่างๆ อยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,535 ดอลลาร์ต่ออนซ์ได้ คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลง แต่หากยืนได้อย่างแข็งแกร่ง น่าจะได้เห็นการขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญระดับที่บริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนมีมุมมองว่า ราคาทองคำหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,585 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอีกครั้ง