ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ SET50
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มราคา SET50 ล่วงหน้า (3 ก.ค.) ว่า แม้ว่าตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ จะออกมาแย่มาก แต่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลงจำกัด โดยตลาดหันไปให้ความสนใจเรื่องการออกมาตรการผ่อนคลายสหรัฐฯ แทน โดยตัวเลข ISM Index เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงมาที่ 49.7 จากเดือนก่อนที่ 53.5 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 52.20 จุด เป็นผลมาจากแนวโน้มคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่ลดลง โดยระดับดังกล่าวถือว่า เป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด ที่เป็นจุดแบ่งการขยายตัว และหดตัวของเศรษฐกิจและเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยรวมส่งผลให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจตามมา
อย่างไรก็ตาม นายจอนห์ วิลเลี่ยม ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก ซึ่งมีสิทธิลงคะแนนเสียงในการประชุม FOMC ได้ออกมาประเมินว่า การออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟด จะช่วยลดความเสี่ยงของเงินฝืด และไม่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดตีความว่า เฟดมีโอกาสในการทำ QE เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดาวโจนส์กลับมาปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังอ่อนตัวลงแรงกว่า 85 จุด ส่วนทิศทางตลาดในระยะสั้น คาดว่า ตลาดยังคงรอผลการประชุม ECB ซึ่งนักลงทุนส่วนหนึ่งคาดว่า ECB จะมีการลดดอกเบี้ยลง 25-50 bps ในการประชุมครั้งนี้ ทำให้การอ่อนตัวลงของตลาด จะถูกรองรับด้วยแรงซื้อเก็งกำไรที่เล่นประเด็นเรื่อง ECB ก่อนที่จะรู้ผลการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ก.ค. นี้
ปัจจัยเงินทุนไหลเข้า-ออก: นักลงทุนขายต่างชาติซื้อสุทธิใน SET อีก 1.7 พันล้านบาท ส่วนในตลาด TFEX ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเล็กน้อย 69 สัญญา
ความเห็นทิศทาง SET50 ฟิวเจอร์
ตลาดเมื่อวานนี้ (2 ก.ค.) ปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่คาด แต่ Basis ปรับตัวลงค่อนข้างมาก ฟิวเจอร์อยู่ต่ำกว่า SET50 -5.4 จุด ซึ่งเป็นบริเวณใกล้ -2 S.D. และมักจะเห็นส่วนต่างนี้กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังลงมา ทำให้คาดว่าในวันนี้ ฟิวเจอร์จะให้ผลตอบแทนดีกว่า SET50 โดยเปรียบเทียบ โดยฟิวเจอร์วันนี้มีแนวต้านอยู่ที่ 830 จุด ในขณะที่แนวรับอยู่ที่ 820 จุด ส่วนสัญญาณ TTS เปิดสัญญาณ Long ที่ 821.70 จุด รอสัญญาณถัดไป
กลยุทธ์ปกติ: วันนี้แนะนำให้ เปิด Long สั้นโดยมี stop ที่ 810 จุด