xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการ “ทีดีอาร์ไอ” เตือน “รบ.ปู” ทุ่มประชานิยมอาจทำชาติล่มสลายเหมือนกรีซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิชาการ “ทีดีอาร์ไอ” ชี้ รัฐบาล พท. ใช้ประชานิยมเข้มข้นกว่าตอนเป็น ทรท. เพราะต้องการชนะขาดคู่แข่ง คาดอีกไม่เกิน 10 ปี ศก.ไทยล่มสลายเหมือน “กรีซ” หากรัฐบาลยังดันทุรัง ระบุ มีหลายมาตรการทำลายระบบ ศก. มหภาคอย่างรุนแรง พร้อมยก “บ้านหลังแรก-รถคันแรก” บิดเบือนกลไกตลาด และเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น ขณะที่ “เงินเฟ้อ-หนี้สาธารณะ-การว่างงาน” จะพุ่งจนคุมไม่อยู่

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวม และการกระจายรายได้ สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในการเข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซึ่งมี นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สรรหา เป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งมีวาระพิจารณาศึกษา และวิเคราะห์นโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจไทย

นายสมชัย ระบุว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) มีความเข้มข้นกว่านโยบายประชานิยมสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย (ทรท.) เนื่องจากใช้งบประมาณที่สูงกว่า เช่น นโยบายบ้านหลังแรก นโยบายรถคันแรก จึงเป็นผลให้โครงการประชานิยมขณะนี้ ทำลายระบบกลไกตลาด และเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น ส่วนบุคคลที่ได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยมยุคนี้เป็นกลุ่มคนชั้นกลางระดับบนขึ้นไป ส่วนคนจนที่สุดในสังคมไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

“ผมมองว่าหากประเทศไทยยังคงทำแต่เรื่องนโยบายประชานิยม ไม่เกิน 10 ปีเศรษฐกิจของประเทศไทยจะล่มสลายเหมือนอย่างในประเทศกรีซ เพราะโครงการประชานิยม ส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคอย่างรุนแรงมาก โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ เกิดหนี้สาธารณะรุนแรง และทำลายระบบกลไกของตลาด ซึ่งโครงการประชานิยมของไทยที่เข้าข่ายทำลายกลไกตลาดสูงมาก คือ โครงการรับจำนำข้าว”

นายวิชัย กล่าวว่า จากการสำรวจเรื่องของคนว่างงานของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รอบเดือนพฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนคนว่างงาน 3.6 แสนคนโดยในจำนวนดังกล่าว เป็นคนจบการศึกษาใหม่ถึง 1.5 แสนคน และในปี 2555 จะมีบุคคลที่จบการศึกษากว่า 3.5 แสนคน จึงกลายเป็นปัญหาว่ากลุ่มดังกล่าวจะทำงานที่ไหน

“ตัวเลขของสภาพัฒน์ได้ส่งสัญญาณให้รัฐบาลไทยรับรู้ ถึงปัญหาการว่างงานที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะรับรู้หรือไม่ เนื่องจากในระบบการเมืองที่แบ่งขั้วชัดเจน เขาต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ความนิยมจากประชาชน ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ประชานิยมจะมีมากขึ้น เพราะเขาต้องการอำนาจทางการเมืองให้เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น ซึ่งประเด็นนี้ผมมองว่าเป็นอันตรายมาก”
กำลังโหลดความคิดเห็น