กรุงไทยเร่งสนองนโยบายรัฐลุยปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เพื่อการค้า ยอดลูกค้า 4 เดือน 4 พันราย วงเงิน 300 ล้านบาท พร้อมขยายเวลาชำระหนี้จาก 2 ปีเป็น 4 ปี เพิ่มช่องทางบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานให้แก่ชุมชนที่อยู่ห่างไกลให้ครบ 150 แห่ง
นางศรีประภา พริ้งพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจภาครัฐ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้ให้การสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ในการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ เพื่อให้ประชาชนระดับฐานรากของประเทศ ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบนั้น ในปีนี้ ธนาคารได้มุ่งเน้นการขยายธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เพื่อการค้า โดยปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพค้าขายในตลาด เจ้าของแผงค้า ผู้เช่าแผงค้า วงเงินกู้สูงสุดรายละ 200,000 บาท ผ่อนชำระภายใน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ลูกค้าผ่อนชำระเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสด
“การตอบรับของลูกค้าดีมาก เนื่องจากช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยมีต้นทุนที่ต่ำลง ประกอบกับธนาคารมีสาขากระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง ใน 4 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ค้าขายในตลาด เจ้าของแผงค้า ผู้เช่าแผงค้า กว่า 300 ตลาดทั่วประเทศ จำนวน 4,000 ราย วงเงิน 300 ล้านบาท โดยลูกค้ามีวินัยในการชำระหนี้ดีมาก ยอดหนี้เสียมีเพียง 0.9% เท่านั้น”
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ธนาคารจึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เพื่อการค้า โดยเพิ่มคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อในกลุ่มผู้ค้าขายในลักษณะเช่าช่วงในตลาด และผู้ประกอบการรายย่อยหรือผู้ค้าขายประจำที่อยู่ในแหล่งชุมชนการค้านอกตลาด รวมทั้งยังได้ขยายระยะเวลาผ่อนชำระจากเดิม 2 ปี เป็น 4 ปี สำหรับผู้กู้เกิน 100,000 บาท เพื่อให้ผู้กู้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
ขณะที่สินเชื่อที่ให้แก่กองทุนหมู่บ้านระดับ AAA และกลุ่ม OTOP มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และในปีนี้ ธนาคารจะเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานให้แก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ด้วยการเปิดจุดบริการเคาน์เตอร์กรุงไทย หรือ Convenience Counter เพิ่มอีก 50 แห่ง หลังจากที่ได้เปิดให้บริการแล้ว 84 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายให้ได้ 150 จุด รวมทั้งเตรียมให้การสนับสนุนสินเชื่อสำหรับกองทุนสตรี ทั้งด้านระบบการบริหารจัดการกองทุน และการให้สินเชื่ออย่างครบวงจรอีกด้วย