ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติคาดไตรมาสแรกของปี 55 แนวโน้มสินเชื่อทุกส่วนเพิ่มขึ้น กดดันให้สถาบันการเงินแข่งขันดุเดือด ห่วงมาตรฐานการให้สินเชื่อลดลงลูกหนี้เริ่มมีการผลัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น เผยสินเชื่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ภาคอสังหาฯ และค้าส่งค้าปลีกขยายตัวมาก
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้ทำการสำรวจมุมมองผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ระดับสูงที่ดูแลงานสินเชื่อ พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแล พบว่า สถาบันการเงินประเมินว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อครัวเรือนและบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสินเชื่อภาคธุรกิจทุกประเภทจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อไม่ต่างกับในอดีตที่ผ่านมา แม้มีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อคุณภาพของสินเชื่อ แต่การแข่งขันสูงระหว่างสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมีส่วนสำคัญให้ความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในทุกส่วน โดยภาคการผลิตวัสดุก่อสร้าง การผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าส่งและค้าปลีก จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนให้สินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวในระยะต่อไป แต่ตรงข้ามกับความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เพราะการโอนสิทธิ์ลดลงในช่วงอุทกภัย ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตจะเข้มงวดขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของผู้กู้ที่ประสบอุทกภัย
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้พึ่งพาการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ ควบคู่ไปกับการกู้เงินสถาบันการเงินเหมือนในช่วงที่ผ่านมา และสถาบันการเงินไม่ค่อยปรับเพิ่ม Premium สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”
ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงเกิดปัญหาอุทกภัย สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะภาวะอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงสูงขึ้นบ้าง เพราะสถาบันการเงินได้รับรายงานว่า สินเชื่อภาคธุรกิจมีการผลัดชำระหนี้ 42.9% ส่วนภาคครัวเรือน พบว่า การผลัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็น 46.7% และสินเชื่อภาคครัวเรือนอื่นๆ 38.1% แต่มาตรฐานการให้สินเชื่อกลับลดลงหรือคงเดิม เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างสถาบันการเงินประเภทเดียวกัน สถาบันการเงินเฉพาะกิจและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์).
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้ทำการสำรวจมุมมองผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ระดับสูงที่ดูแลงานสินเชื่อ พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแล พบว่า สถาบันการเงินประเมินว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อครัวเรือนและบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสินเชื่อภาคธุรกิจทุกประเภทจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อไม่ต่างกับในอดีตที่ผ่านมา แม้มีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อคุณภาพของสินเชื่อ แต่การแข่งขันสูงระหว่างสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมีส่วนสำคัญให้ความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในทุกส่วน โดยภาคการผลิตวัสดุก่อสร้าง การผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าส่งและค้าปลีก จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนให้สินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวในระยะต่อไป แต่ตรงข้ามกับความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เพราะการโอนสิทธิ์ลดลงในช่วงอุทกภัย ขณะที่มาตรฐานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตจะเข้มงวดขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของผู้กู้ที่ประสบอุทกภัย
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้พึ่งพาการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ ควบคู่ไปกับการกู้เงินสถาบันการเงินเหมือนในช่วงที่ผ่านมา และสถาบันการเงินไม่ค่อยปรับเพิ่ม Premium สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”
ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงเกิดปัญหาอุทกภัย สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะภาวะอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงสูงขึ้นบ้าง เพราะสถาบันการเงินได้รับรายงานว่า สินเชื่อภาคธุรกิจมีการผลัดชำระหนี้ 42.9% ส่วนภาคครัวเรือน พบว่า การผลัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็น 46.7% และสินเชื่อภาคครัวเรือนอื่นๆ 38.1% แต่มาตรฐานการให้สินเชื่อกลับลดลงหรือคงเดิม เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างสถาบันการเงินประเภทเดียวกัน สถาบันการเงินเฉพาะกิจและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์).
