นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ในปี 2254 ที่ผ่านมา สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่โดยรวมของธนาคารมีอัตราการเติบโตในระดับ 12% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยสัดส่วนการเติบโตแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่พิเศษ 8-9% และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่รายกลางเติบโตมากกว่า 20% ขณะที่อัตราการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อขนาดใหญ่ในระบบปี 2554 อยู่ที่เพียง 8%
สำหรับในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 10-15% โดยจะเน้นในส่วนของลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่พิเศษที่มียอดขายตั้งแต่ 500-5,000 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่รายกลาง ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากขนาดธุรกิจที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และถือเป็นขนาดของธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย
กรณีที่บริษัทประกันภัยบางแห่งไม่รับทำสัญญาประกันภัยธุรกิจขนาดใหญ่ในกรณีอุทกภัยนั้น นายปิติกล่าวว่า กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารอย่างมาก เนื่องจากโดยหลักการการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจะต้องขอให้บริษัทดำเนินการทำประกันภัยที่มีความครอบคลุมเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ในประเด็นนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่หน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญอย่างมากกับสถานการณ์ดังกล่าว
"การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารได้รับผลกระทบจากกรณีการประกันภัยอุทกภัยที่ยังไม่มีความชัดเจนนี้มาก ทำให้ปัจจุบันอยู่ในช่วงสูญญากาศว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้กระบวนการดังกล่าวผ่านไปได้"
นายปิติกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่จะมีการจัดตั้งกองทุนประกันภัยที่จะเพิ่มเติมในส่วนของการคุ้มครองประกันภัยบริษัทขนาดใหญ่เพิ่มเติมจากกรอบเดิมที่ดูแลประชาชนรายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะทำให้ธุรกรรมต่างๆดำเนินต่อไปได้
สำหรับในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 10-15% โดยจะเน้นในส่วนของลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่พิเศษที่มียอดขายตั้งแต่ 500-5,000 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่รายกลาง ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากขนาดธุรกิจที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และถือเป็นขนาดของธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย
กรณีที่บริษัทประกันภัยบางแห่งไม่รับทำสัญญาประกันภัยธุรกิจขนาดใหญ่ในกรณีอุทกภัยนั้น นายปิติกล่าวว่า กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารอย่างมาก เนื่องจากโดยหลักการการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจะต้องขอให้บริษัทดำเนินการทำประกันภัยที่มีความครอบคลุมเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ในประเด็นนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่หน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญอย่างมากกับสถานการณ์ดังกล่าว
"การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารได้รับผลกระทบจากกรณีการประกันภัยอุทกภัยที่ยังไม่มีความชัดเจนนี้มาก ทำให้ปัจจุบันอยู่ในช่วงสูญญากาศว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้กระบวนการดังกล่าวผ่านไปได้"
นายปิติกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่จะมีการจัดตั้งกองทุนประกันภัยที่จะเพิ่มเติมในส่วนของการคุ้มครองประกันภัยบริษัทขนาดใหญ่เพิ่มเติมจากกรอบเดิมที่ดูแลประชาชนรายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะทำให้ธุรกรรมต่างๆดำเนินต่อไปได้