ธ.กสิกรไทย คาด ปีหน้าลูกค้ารายใหญ่ต้องการเงินลงทุนมหาศาล 1.2 ล้านล้านบาท เผย 7 กลุ่มที่มีความต้องการสินเชื่อสูง “ผู้บริหาร” ตั้งเป้ายึดแชร์ลูกค้าธุรกิจ 25% ลั่นขึ้นเป็นผู้นำสินเชื่อภาคธุรกิจ คาด โตได้อีก 9% จากปีนี้ 10% พร้อมเปิดแผนลงทุนต่างประเทศสูงสุด 4 แสนล้าน ลงทุนต่อเนื่องในประเทศจากปีนี้ 4 แสนล้าน
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ทำให้ลูกค้ามีความต้องการ ทั้งเรื่องเงินทุน บุคคลากร และการจัดการด้านต่างๆ โดยเฉพาะลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในฟื้นฟูกิจการมากกว่าลูกค้าทั่วไป ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเครือธนาคารกสิกรไทยได้ปรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้า เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ อีกทั้งยังเข้าไปช่วยดูแลธุรกิจของลูกค้าแบบครบวงจร โดยไม่กำหนดวงเงินสนับสนุนสินเชื่อของลูกค้าทั้งหมด แต่จะพิจารณาตามความเสียหายและความจำเป็นทางธุรกิจให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย
สำหรับวิกฤตอุทกภัยของไทยในครั้งนี้ ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ลดลงเหลือเพียง 1.5% และส่งผลให้ปี 2555 เติบโตได้ 4.3% ซึ่งนับเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจไทย
ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทยังเป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2554 จะมียอดสินเชื่อรวมโต 10% จากสิ้นปี 2553 มีรายได้รวม (Total Income) ขยายตัวเป็น 21% และมีค่าธรรมเนียมการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Fee) โตเป็น 22% ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 21% เป็น 22% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดสินเชื่อสูงสุดได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่ม 78% กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมี ขยายตัวเพิ่มขึ้น 43% และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 11%
ทั้งนี้ ในปี 2554 เครือธนาคารกสิกรไทยได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและระดมทุน 20 โครงการ เป็นเงิน 220,000 ล้านบาท เข้าร่วมสนับสนุนเงินทุนโครงการต่างๆ อีก 67 โครงการ เป็นเงิน 350,000 ล้านบาท มีลูกค้าที่เป็น Value Chains 6 กลุ่ม และเป็น Supply Chains 52 กลุ่ม
ส่วนในปี 2555 ขนาดตลาดของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่จะมีความต้องการเงินทุนประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นความต้องการเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจต่อเนื่องจากปี 2553 ประมาณ 400,000 ล้านบาท โครงการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ 250,000 ล้านบาท การลงทุนขยายธุรกิจระหว่างประเทศ 400,000 ล้านบาท และการลงทุนเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจ 150,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อส่วนใหญ่จะอยู่ใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สาธารณูปโภค วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ การค้า และอสังหริมทรัพย์
สำหรับสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทของเครือธนาคารกสิกรไทย ในปี 2555 มีเป้าหมายที่จะมุ่งมั่นก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด ในฐานะพันธมิตรที่คู่ค้าไว้วางใจที่สุด โดยวางเป้าหมายการเติบโตด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 ประมาณ 9% รายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% และค่าธรรมเนียมโตขึ้น 22% โดยคาดหวังให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 25%
นายวศิน กล่าวเสริมว่า ปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ปัจจัยด้านตลาดการค้าเสรี ภัยทางธรรมชาติ อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ และสินค้าโภคภัณฑ์ จะสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการวางแผนทางการเงินที่เป็นระบบ การปรับโครงสร้างทางการเงินตามความเหมาะสม รวมถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่ยืดหยุ่นลงตัว