นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอี ว่า “ไทยพาณิชย์มุ่งมั่นและตั้งใจในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมอย่างเต็มที่ และด้วยความเข้าใจลูกค้าเราได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการติดต่อลูกค้าทันที โดยไม่รอให้ลูกค้าเป็นฝ่ายติดต่อมา เพื่อสอบถามและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างทันท่วงที ธนาคารได้เดินหน้าสานต่อออกมาตรการ “เร่งด่วน – ฟื้นฟู – เดินหน้าธุรกิจ” เพื่อให้การช่วยเหลือดูแลธุรกิจของลูกค้าให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดย แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
1) ระยะเร่งด่วน ทันทีที่ลูกค้าได้รับผลกระทบและธุรกิจเกิดความเสียหาย ธนาคารจะเข้าไปช่วยเหลือดูแล ไม่ว่าจะได้เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ การผ่อนปรน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 50% ใน 3 เดือนแรก และวงเงินฉุกเฉินเพื่อนำไปใช้จ่ายในระหว่างน้ำท่วม (O/D) วงเงินสูงสุด 20% ของวงเงินเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ ซึ่งมาตรการนี้ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงแรกๆ
2) ระยะฟื้นฟู โดยธนาคารจะเข้าร่วมกับภาครัฐ คือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการออกสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอี อายุ 7 ปี วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ใน 3 ปีแรก เพื่อให้ลูกค้ามีเงินทุนฟื้นฟูกิจการด้วยต้นทุนที่ต่ำ สำหรับลูกค้าของธนาคารสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ทันทีภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ และในกรณีที่ลูกค้าของธนาคารมีความต้องการวงเงินสินเชื่อที่มากขึ้น ธนาคารยังได้เตรียมโปรแกรมเสริมเพิ่มเติม คือ เงินกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 5% ไม่จำกัดวงเงิน โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม
3) ระยะเดินหน้าธุรกิจ นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ลูกค้าเอสเอ็มอีแล้ว ธนาคารยังช่วยประสานงานไปยังลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่เป็นต้นน้ำของระบบซัพพลายเชน เพื่อเชื่อมเอาลูกค้าเอสเอ็มอีให้สามารถกลับเข้าไปสู่ระบบและเดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
"จากมาตรการความช่วยเหลือที่ครบถ้วนและรวดเร็วของธนาคาร เราเชื่อว่าลูกค้าเอสเอ็มอีจะสามารถกลับมาพลิกฟื้นและดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกเหนือจากพนักงานที่ดูแลลูกค้าแต่ละรายอย่างใกล้ชิดแล้ว หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Business Call Center โทร.02-722-2222" นายศิริชัยกล่าวสรุป
1) ระยะเร่งด่วน ทันทีที่ลูกค้าได้รับผลกระทบและธุรกิจเกิดความเสียหาย ธนาคารจะเข้าไปช่วยเหลือดูแล ไม่ว่าจะได้เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ การผ่อนปรน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 50% ใน 3 เดือนแรก และวงเงินฉุกเฉินเพื่อนำไปใช้จ่ายในระหว่างน้ำท่วม (O/D) วงเงินสูงสุด 20% ของวงเงินเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ ซึ่งมาตรการนี้ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงแรกๆ
2) ระยะฟื้นฟู โดยธนาคารจะเข้าร่วมกับภาครัฐ คือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการออกสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอี อายุ 7 ปี วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ใน 3 ปีแรก เพื่อให้ลูกค้ามีเงินทุนฟื้นฟูกิจการด้วยต้นทุนที่ต่ำ สำหรับลูกค้าของธนาคารสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ทันทีภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ และในกรณีที่ลูกค้าของธนาคารมีความต้องการวงเงินสินเชื่อที่มากขึ้น ธนาคารยังได้เตรียมโปรแกรมเสริมเพิ่มเติม คือ เงินกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 5% ไม่จำกัดวงเงิน โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม
3) ระยะเดินหน้าธุรกิจ นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ลูกค้าเอสเอ็มอีแล้ว ธนาคารยังช่วยประสานงานไปยังลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่เป็นต้นน้ำของระบบซัพพลายเชน เพื่อเชื่อมเอาลูกค้าเอสเอ็มอีให้สามารถกลับเข้าไปสู่ระบบและเดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
"จากมาตรการความช่วยเหลือที่ครบถ้วนและรวดเร็วของธนาคาร เราเชื่อว่าลูกค้าเอสเอ็มอีจะสามารถกลับมาพลิกฟื้นและดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกเหนือจากพนักงานที่ดูแลลูกค้าแต่ละรายอย่างใกล้ชิดแล้ว หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Business Call Center โทร.02-722-2222" นายศิริชัยกล่าวสรุป
