กรุงศรีฯรุกคืบขยายฐานรายย่อย จ่าย 3.5 พันล้าน ซื้อพอร์ต "บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และธุรกิจเงินฝาก"ของเอชเอสบีซี ดันสินทรัพย์แตะ 1.7 หมื่นล้าน สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มเป็น 46% จาก 45%
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป เปิดเผยว่า กรุงศรีกรุ๊ปได้ลงนามสัญญาเข้าซื้อธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย อันประกอบด้วยธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจเงินฝาก โดยการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติของผู้ถือหุ้นกรุงศรีกรุ๊ปและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลธนาคาร โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวน 3,557 ล้านบาท (หรือประมาณ 115 ล้านเหรียญสหรัฐ) และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้ ซึ่งการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์ของกรุงศรีเพิ่มขึ้นจำนวน 17,452 ล้านบาท หรือเติบโต 1.8% และทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นจากระดับ 45% เป็น 46% ของสินเชื่อรวม
ทั้งนี้ การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีกรุ๊ปสามารถใช้ศักยภาพของช่องทางจำหน่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่างเต็มที่ผ่านเครือข่ายจำนวนกว่า 580 สาขาและช่องทางจำหน่ายกว่า 11,000 แห่งทั่วประเทศ โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีกรุ๊ปซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของไทยและเป็นผู้ออกบัตรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ให้บริการลูกค้าจำนวนกว่า 10 ล้านคน และมีจำนวนบัตรเครดิตมากกว่า 4.8 ล้านบัตร
"เรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 สถาบันการเงินของประเทศที่สร้างผลตอบแทนสูงสุด (ROE) ให้กับผู้ถือหุ้น การเข้าซื้อธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของเอชเอสบีซีเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของกรุงศรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว และเมื่อผสานเข้ากับความเติบโตจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ (Organic Growth) จะเห็นได้ถึงความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของกรุงศรี ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะผู้สร้างนวัตกรรมในภาคธุรกิจธนาคารของประเทศ"
นายมาร์ค อาร์โนลด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้สอดคล้องกลยุทธ์ของกรุงศรีในการสร้างความเติบโตในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคลและธุรกิจเงินฝากของเอชเอสบีซีจะถูกผนวกเข้ากับธุรกิจเดิมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธุรกิจบัตรเครดิตของเอชเอสบีซีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีเครดิตคาร์ด
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป เปิดเผยว่า กรุงศรีกรุ๊ปได้ลงนามสัญญาเข้าซื้อธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย อันประกอบด้วยธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจเงินฝาก โดยการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติของผู้ถือหุ้นกรุงศรีกรุ๊ปและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลธนาคาร โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวน 3,557 ล้านบาท (หรือประมาณ 115 ล้านเหรียญสหรัฐ) และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้ ซึ่งการเข้าซื้อธุรกิจครั้งนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์ของกรุงศรีเพิ่มขึ้นจำนวน 17,452 ล้านบาท หรือเติบโต 1.8% และทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นจากระดับ 45% เป็น 46% ของสินเชื่อรวม
ทั้งนี้ การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีกรุ๊ปสามารถใช้ศักยภาพของช่องทางจำหน่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่างเต็มที่ผ่านเครือข่ายจำนวนกว่า 580 สาขาและช่องทางจำหน่ายกว่า 11,000 แห่งทั่วประเทศ โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีกรุ๊ปซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของไทยและเป็นผู้ออกบัตรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ให้บริการลูกค้าจำนวนกว่า 10 ล้านคน และมีจำนวนบัตรเครดิตมากกว่า 4.8 ล้านบัตร
"เรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 สถาบันการเงินของประเทศที่สร้างผลตอบแทนสูงสุด (ROE) ให้กับผู้ถือหุ้น การเข้าซื้อธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของเอชเอสบีซีเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของกรุงศรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว และเมื่อผสานเข้ากับความเติบโตจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ (Organic Growth) จะเห็นได้ถึงความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของกรุงศรี ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะผู้สร้างนวัตกรรมในภาคธุรกิจธนาคารของประเทศ"
นายมาร์ค อาร์โนลด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้สอดคล้องกลยุทธ์ของกรุงศรีในการสร้างความเติบโตในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ ธุรกิจสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคลและธุรกิจเงินฝากของเอชเอสบีซีจะถูกผนวกเข้ากับธุรกิจเดิมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธุรกิจบัตรเครดิตของเอชเอสบีซีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีเครดิตคาร์ด