ผู้ว่า ธปท. เผยมุมมองปี 55 ทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น พร้อมคาดธุรกิจสินเชื่อ จะขยายตัวไม่สูงเท่ากับปีนี้ ส่วนการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงนี้ ยังไม่ได้เคลื่อนไหวผิดปกติ ปธ.แบงก์กรุงเทพ ยันการปรับลดดอกเบี้ยตาม ธปท. ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแบงก์แต่ละแห่งมีความต้องการสภาพคล่องจำนวนมาก จึงต้องมีการแข่งขันระดมเงินฝาก ทำให้ดอกเบี้ยปรับลดลงได้ยาก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกลุ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Thailand Smart Money ครั้งที่ 2 โดยระบุว่าทิศทางดอกเบี้ยในปี 2555 จะเป็นดอกเบี้ยขาขึ้น แต่จะเป็นการขึ้นมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสถานการณ์ของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปีหน้าเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรป ยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย
สำหรับสภาพคล่องในระบบในขณะนี้ยังอยู่ระดับสูง แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีปัญหาวิกฤตน้ำท่วม แต่สถาบันการเงินได้มีการเตรียมสภาพคล่องไว้พร้อมเพื่อการเบิกจ่าย โดย ธปท.ยังทำหน้าที่ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพคล่องในมือกว่า 4.7 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้มองว่า สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2555 คาดว่าขยายตัวเกือบ 10% ตามที่เอกชนประเมินไว้ แต่คงไม่ขยายตัวเท่าปีนี้ ที่ขยายตัว 17-18% โดยสินเชื่อที่ขยายตัวมาจากความต้องการเงินเพื่อการลงทุน ฟื้นฟูธุรกิจหลังน้ำท่วมและภาคครัวเรือนในการซ่อมแซมที่อยู่อาศํย
ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ ธปท.ได้มีการลงทุนในทองคำสูงกว่า 3% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยลดการลงทุนในเงินสกุลยูโรที่มีปัญหา แต่เชื่อว่าเงินยูโรคงไม่เข้าสู่ภาวะล่มสลาย เพราะเมื่อถึงจุดนั้นจริงจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นลูกคลื่น รวมถึงส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเซีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น และอาเซียน โดยเชื่อว่าหลายประเทศในยุโรปจะให้ความช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สิน รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้ ไม่ได้เคลื่อนไหวผิดปกติ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวตามกลไกของตลาดโลก รวมถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไม่มีความผิดปกติ
ส่วนการที่สถาบันการเงินต่างประเทศถูกปรับลดเครดิตไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินไทยและภาพรวมเศรษฐกิจไทย เนื่องจากสัดส่วนสถาบันการเงินต่างประเทศในไทยมีไม่ถึง 10% และเป็นไปตามกลไกของเศรษฐกิจยุโรปที่มีปัญหา การถูกลดเครดิตจึงเป็นเรื่องปกติ
ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากล่าสุด คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 3.25%
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามทัศนะทางวิชาการ ประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์คงไม่ใช่เรื่องง่าย และล่าช้าพอสมควร เนื่องจากธนาคารแต่ละแห่งมีความต้องการสภาพคล่องจำนวนมาก จึงต้องมีการแข่งขันระดมเงินฝาก ทำให้ดอกเบี้ยปรับลดลงได้ยาก
สำหรับดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป ยังคาดการณ์ได้ยากว่าจะเป็นขาขึ้นหรือลดลง เนื่องจากต้องรอประเมินเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม แต่มองว่าอัตราเงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้า รวมถึงภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม แต่หนี้สินภาคครัวเรือนคงเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากรัฐบาลได้มีการออกมาตรการดูแลและชดเชยผลกระทบให้
