ธปท.ห่วงสภาพคล่องส่วนเกิน 2.5 ล้านล้านบาท ล้นระบบถึง 5 เท่าตัว อาจกดดันแบงก์พาณิชย์ ต้องขนเงินไปลงทุนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หวังหาผลตอบแทนสูง หวั่นก่อวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เฝ้าติดตามสภาพคล่องส่วนเกินในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบัน มีสูงเกินกฎหมายกำหนดถึง 5 เท่า หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีภาระจ่ายต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะที่ผลตอบแทนปรับตัวลดลง
ดังนั้น อาจเป็นแรงกดดันให้ธนาคารพาณิชย์นำไปทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม หรือการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ระดับเครดิตไม่ดีในปริมาณที่สูง จนเกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และฟองสบู่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตเศรษฐกิจไทยปี 2540 และวิกฤติซับไพรม์ในสหรัฐฯ ปี 2551
ขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้สภาพคล่องท่วมระบบมากถึง 3-5 ล้านล้านบาท ธปท.จึงเข้าไปดูดซับเป็นระยะ แต่ก็พร้อมปล่อยเข้าสู่ระบบ หากภาครัฐ หรือเอกชนมีการลงทุนนำออกไปใช้ลงทุนทางเศรษฐกิจที่ดี ธปท.ก็ยินดี เพราะจะลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของ ธปท.ด้วย และบัญชี ธปท.ก็จะขาดทุนน้อยลง
“ธปท. พบว่าช่วง 2-3 ปีผ่านมา เงินไหลเข้าไทยมาก หากไม่ดูสภาพคล่องอาจล้นเป็น 4-5 ล้านล้านบาท ทำให้แบงก์ต้องวิ่งใช้เงิน เพราะเก็บไว้มีต้นทุน เช่น ที่แบงก์กลางสหรัฐฯ ถูกด่า เพราะทำดอกเบี้ยต่ำ เงินจึงวิ่งไปลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า จนเกิดปัญหาเครดิต และเกิดซับไพรม์ เราไม่ต้องการเป็นแบบนั้น”
น.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. ยอมรับว่า ในไตรมาสแรกปี 2555 ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังไม่ได้หักการกันสำรองในระบบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 4,600 ล้านบาท เป็น 270,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2554 โดยเพิ่มขึ้นในสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ เป็นสำคัญ
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เสนอให้ลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่กับธนาคารเล็กจะเริ่มห่างกันมากขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป หรือหลังเข้าสู่การลดความคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อธนาคารพาณิชย์ หลังวันที่ 11 สิงหาคม 2555 นี้ โดยการเลือกฝากเงินของลูกค้าจะพิจารณาจากความมั่นคงในฐานะของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก
